
เมื่อ “สารัชถ์ รัตนาวะดี” ซูเปอร์บอสแห่งอาณาจักร “กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์” ขยับตัวลงทุนทำอะไรทั้งที ย่อมเป็นเรื่อง Talk of the Town เพราะแต่ละโครงการแต่ละธุรกิจที่ก้าวเข้าไปลงทุน ล้วน “บิ๊กบึ้ม” ต่อ “จิ๊กซอว์” ให้อาณาจักร Gulf Energy สยายปีก ขยายกิจการไม่หยุดหย่อน
จนล่าสุด “ฟอร์บส์” ได้จัดอันดับความมั่งคั่ง ยกให้ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกัลฟ์ เอนเนอร์จี ก้าวขึ้นสู่ “มหาเศรษฐีอันดับ 1” ของเมืองไทยแซง “เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี” แห่งไทยเบฟ และ “เจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์” กลุ่มเจริญโภคภัณฑ์ ไปแล้ว ด้วยมูลค่าความมั่งคั่งสุทธิ 421,260 ล้านบาท

ล่าสุด “สารัชถ์” ในฐานะ ประธานบริษัท สโตนฮีลล์ เอสเตท จำกัด ได้เปิด สนามกอล์ฟ Stonehill Golf Course สนามกอล์ฟสุดหรูระดับ 6 ดาว เนื้อที่กว่า 950 ไร่ ตั้งอยู่ที่เชียงรากน้อย อำเภอสามโคก ปทุมธานี พร้อมเปิดตัว สาริศ รัตนาวะดี กรรมการบริหาร ที่จะเข้ามารับหน้าที่ปลุกป้ำสนามแห่งนี้ให้เป็น Flagship และ “แลนด์มาร์คใหม่” ด้านกีฬากอล์ฟและการท่องเที่ยว ด้วยสนามมาตรฐานขนาด 18 หลุม เทียบชั้นมาตรฐานโลก พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก และมาตรฐานและบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการอันหลากหลายสำหรับกีฬากอล์ฟโดยเฉพาะ
ทั้งนี้ ประธานกรรมการ Stonehill ได้ย้อนรอยแรงบันดาลใจในการก่อสร้างสนามกอล์ฟแห่งนี้ว่า ฝันอยากเห็นสนามกอล์ฟที่มีมาตรฐานเทียบชั้นอินเตอร์ในระดับโลกในเมืองไทยมานานแล้ว จึงพยายามเสาะหาพื้นที่ที่จะสร้างฝันให้เป็นจริงอยู่หลายปี พิจารณาหลายพื้นที่ ทั้งฟากฝั่งบางนา-ตราด ลำลูกกา รังสิต ก่อนจะมาปักหมุดเอาที่ตำบลเชียงรากน้อย อำเภอสามโคก แห่งนี้ เป็นพื้นที่ที่มีความเหมาะสมมากที่สุด

“อย่างแถวบางนานั้น ก็แวดล้อมไปด้วยโรงงานอุตสาหกรรม ค่อนข้างมีปัญหาด้านการจราจร และยังมีปัญหาเรื่องน้ำหากก่อสร้างสนามแถบนั้น ผู้เล่นก็อาจอึดอัดไม่ได้พักผ่อนเต็มที่ เพราะอยู่กลางสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมนัก ย่านลูกลูกกา รังสิต คลอง 6 ก็มีข้อจำกัดเรื่องของการคมนาคมขนส่งไปยังสนามที่เป็นไปด้วยความยากลำบาก แต่ที่สามโคกแห่งนี้ตอบโจทย์เหล่านี้ได้หมด เพราะมีทางด่วนขั้นที่ 2 ลงที่เชียงรากน้อยเข้าถึงสนามกอล์ฟได้เลย ที่ตั้งสนามก็อยู่ใกล้แม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้สามารถจะซัพพลายน้ำหล่อเลี้ยงสนามกอล์ฟได้เต็มที่ดีกว่าใช้น้ำใต้ดิน แค่ต้องบริหารจัดการให้ลงตัวเท่านั้น”

5 ปี กับการเนรมิต Stonehill แฟล็กชิพ!
“เราใช้เวลาก่อสร้างสนามแห่งนี้อยู่ถึง 4-5 ปี เนรมิตจากท้องทุ่งนาแถวเชียงรากน้อยจากพื้นที่ราว 1,000 ไร่ จากปกติสนามกอล์ฟโดยทั่วไปจะใช้พื้นที่ราว 300-400 ไร่นั้น แต่สำหรับ Stonehill แห่งนี้ เราใช้พื้นที่ถึง 950 ไร่ ในการออกแบบสนามกอล์ฟระดับมาตรฐานโลก 18 หลุม ให้นักออกแบบและสถาปนิกสามารถออกแบบเลย์-เอาท์ และใช้พื้นที่ในการก่อสร้างสนามกอล์ฟแห่งนี้ได้อย่างเต็มที่ ปราศจากข้อจำกัด”

ทั้งนี้ ตัวสนามนั้น ได้รับการออกแบบโดยนักออกแบบสนามกอล์ฟอย่าง “ไคล์ ฟิลลิปส์” ร่วมกับสถาปนิกชื่อดังอย่าง “ทิโมที สแลทเทอรี” จาก Hart Howerton ที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในระดับโลก ทั้งยังเป็นชาวแคลิฟอร์เนียที่มีลักษณะภูมิประเทศ ภูมิอากาศใกล้เคียงบ้านเรา จึงเข้าใจลักษณะภูมิประเทศบ้านเราได้เป็นอย่างดี การเลือกต้นไม้และการออกแบบ วงเลย์-เอาท์จึงสอดรับไปด้วยกันด้วยเป้าหมายที่จะสร้างสนามแห่งนี้ ให้เป็นจุดหมายระดับโลก เป็นสถานที่ที่สะท้อนถึงอุดมคติ เต็มไปด้วยจิตวิญญาณของผู้ก่อตั้ง ผู้สร้าง และรสนิยมของผู้มาเยือนให้สัมผัสได้ถึงความอบอุ่น ความยิ่งใหญ่และความท้าทายทำให้อยากกลับมาเยือนอีก
โจทย์ที่เราให้กับนักออกแบบและสถาปนิกนั้น ต้องออกแบบให้ Stonehill เสริมสร้างความท้ายทายให้กับผู้เล่นและต้องช่วยให้ผู้เล่นแต่ละคนได้สัมผัส ถึงความยิ่งใหญ่ของผืนแผ่นดินแห่งนี้ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งพื้นผิวสนามแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นจากหญ้าธรรมชาติอย่างหญ้านวลน้อยพันธ์ุพิเศษที่สัมผัสได้ถึงความนุ่ม แฟรเวย์ที่มีสโลปสูงต่ำจากธรรมชาติ ที่มีแตกต่างกันถึง 13-14 เมตร ทำให้สัมผัสได้ถึง Hill อันเป็นที่มาของชื่อ และยังได้รับการออกแบบให้ลูกกอล์ฟที่ตกได้ Step Forward ช่วยเสริมสร้างการเล่นให้นักกอล์ฟ ตัวกรีนแต่ละกรีนสามารถทำให้นักกอล์ฟสามารถเล่นได้อย่างเต็มที่ไม่มีราฟมาเป็นอุปสรรค ขณะที่ความท้าทายก็มีอยู่ทุกหลุม บางหลุมนั้นเราออกแบบให้มีระยะไกลสุดถึง 7,800 หลา ซึ่งไกลมากและเป็นความท้ายทายที่สุดที่จะหาได้แล้วในภูมิภาคนี้

“ชื่อของ Stonehill นั้นมาจากความสูง-ต่ำของพื้นที่แห่งนี้ที่มีความแตกต่างกันถึง 13-14 เมตร ทำให้สามารถ ออกแบบเลย์-เอาท์สนามให้มีสโลป มีความสูงต่ำ จนเป็นที่มาของคำว่า Hill ขณะที่ “คลับเฮาส์” นั้น ได้รับการออกแบบโดยใช้หินอ่อนและแกรนิตจากธรรมชาติจากอิตาลีแทบทุกชิ้น อันเป็นที่มาของ Stonehill และด้วยพื้นที่มากกว่า 950 ไร่ จึงสามารถแบ่งพื้นที่สนามกอล์ฟและคอมมูนิตี้ในการรองรับผู้มาใช้บริการได้อย่างหลากหลาย มีร้านอาหาร 2 ร้าน คือ Abuntu และ Rock Creek รวมทั้งบาร์ Firefly ซึ่งแต่ละร้านต่างมีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัว และยังมี The Pavilion รองรับการเฉลิมฉลองในทุปรูปแบบ ทำให้สนามแห่งนี้เป็น All In สำหรับทุกคน”
ประเดิมต้อนรับ LIV Golf Invitational 2022
สำหรับอีเว้นท์เปิดสนามแรกของ Stonehill นั้น จะประเดิมการเปิดสนามด้วยโปรแกรมการแข่งขัน LIV Golf Invitational ทัวร์นาเมนท์ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ที่มีเงินรางวัลสูงสุดถึง 25 ล้านเหรียญ หรือกว่า 900 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 7-9 ตุลาคมศกนี้ โดยมีโปรกอล์ฟชั้นนำของโลกระดับ Celebrity เข้าร่วม 48 คน ร่วมชิงชัยทั้งประเภทบุคคลและประเภททีม

ทั้งนี้ LIV Golf Invitational นั้น วงการกอล์ฟทั่วโลกจับตามองประเทศไทยในการเตรียมพร้อมจัดทัวร์นาเมนท์ใหญ่ที่สุดในเอเชียรายการ “ลิฟ กอล์ฟ อินวิเตชันแนล แบงคอก” ชิงเงินรางวัลรวม 25 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 900 ล้านบาท โดยมีโปรกอล์ฟชั้นนำของโลก 48 คน ร่วมชิงชัยลุ้นแชมป์ประเภทบุคคลและประเภททีม แบบไม่มีการตัดตัว ณ สนามสโตนฮิลล์ จังหวัดปทุมธานี ระหว่างวันที่ 7-9 ตุลาคมนี้
ลิฟ กอล์ฟ อินวิเตชันแนล เป็นการแข่งขันกอล์ฟรูปแบบใหม่ภายใต้ ซึ่งจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่เป็นปีแรก ชิงชัย 8 สนาม โดยสนามที่ 6 มุ่งหน้าสู่ทวีปเอเชียครั้งแรก และมีเหล่าโปรกอล์ฟชั้นนำของโลกดีกรีแชมป์เมเจอร์ ไม่ว่าจะเป็น คาเมรอน สมิธ แชมป์บริติช โอเพ่น คนล่าสุด, ไบรสัน เดอแชมโบ จอมตีไกล, ฟิล มิคเคลสัน, บรู๊คส์ เคปก้า, ดัสติน จอห์นสัน และบับบา วัตสัน ต่างตอบรับยืนยันร่วมประชันวงสวิงที่ประเทศไทย
นอกจากนี้ ยังมีดาวดังไรเดอร์ คัพ และแชมป์เมเจอร์อย่าง เฮนริก สเตนสัน, ลี เวสต์วูด, เอียน โพลเตอร์, เซอร์จิโอ การ์เซีย, หลุยส์ ออสธุยเซ่น และแพตทริก รีด รวมถึงสองโปรกอล์ฟแถวหน้าของไทยอย่าง พชร คงวัดใหม่ และ สดมภ์ แก้วกาญจนา ลงชิงชัย
เกร็ก นอร์แมน ซีอีโอของ ลิฟ กอล์ฟ กล่าวว่า “ผมรอโอกาสนี้มานาน โอกาสที่จะได้มาจัดการแข่งขันในเอเชีย ตอนนี้ได้เวลาแล้ว เราทุกคนจาก ลิฟ กอล์ฟ ต่างรู้สึกตื่นเต้นยินดีที่ได้มาจัดที่ประเทศไทยและนำการแข่งขันรูปแบบใหม่ที่น่าตื่นเต้นเร้าใจและเติบโตเร็วที่สุดมาสู่สายตาชาวเอเชีย ลิฟ กอล์ฟ พยายามทำในสิ่งที่แตกต่างและต้องการพานักกอล์ฟฝีมือดีระดับโลกไปแข่งขันทุกที่เพื่อเพิ่มความนิยมในเกมกีฬากอล์ฟและสร้างความบันเทิงกับแฟนกีฬากอล์ฟทั่วโลก ประเทศไทยเป็นเวทีแรกของเราในภูมิภาคเอเชียบนเส้นทางสู่เป้าหมายดังกล่าว เชื่อว่าการแข่งขัน ลิฟ อินวิเตชันแนล แบงคอก จะเป็นสัปดาห์ที่ยอดเยี่ยมทั้งในสนามและนอกสนามสำหรับนักกอล์ฟและแฟนๆ”
สำหรับรูปแบบการแข่งขัน ลิฟ กอล์ฟ อินวิเตชันแนล ชิงชัยทั้งประเภทบุคคลและประเภททีม โดยมีนักกอล์ฟร่วมแข่งขัน 48 คน แบ่งเป็น 12 ทีมๆ ละ 4 คน แข่งขันสามวัน ช็อตกันสตาร์ต แบบไม่มีการตัดตัว ท่ามกลางบรรยากาศสนุกสนานด้วยดนตรีและความบันเทิง โดยมีเงินรางวัลให้ช่วงชิงรวม 25 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 900 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในการแข่งขัน ลิฟ กอล์ฟ อินวิเตชันแนล แบงคอก มีนักกอล์ฟดีกรีแชมป์เมเจอร์ 12 คน และอดีตมือหนึ่งของโลก 4 คน ร่วมล่าแชมป์ประเภทบุคคลและประเทศทีม
พชร คงวัดใหม่ โปรกอล์ฟหนุ่มของไทย ซึ่งเข้าร่วมแข่งขัน ลิฟ กอล์ฟ อินวิชันแนล มาแล้ว 4 สนาม หลังจากทำผลงานได้ดีในศึกอินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์ กอล์ฟรายการใหม่ในเอเชียนทัวร์ ที่ร่วมจัดกับลิฟ กอล์ฟ เข้ากล่าวถึงการแข่งขันที่ไทยว่า “การได้ลงเล่นกอล์ฟรายการใหญ่ระดับนี้ในบ้าน เป็นหนึ่งในสิ่งที่ผมใฝ่ฝันถึงเสมอ คุณภาพในสนามจะแตกต่างจากทุกรายการที่ผมเคยลงเล่นในไทย ซึ่งเป็นการขับเคลื่อนที่สำคัญสำหรับกีฬากอล์ฟทั้งในประเทศไทยและในภูมิภาคเอเชีย”
“ลิฟ กอล์ฟ เป็นการรวมนักกอล์ฟมือดีที่สุดของโลกมารวมกัน ภายใต้การแข่งขันรูปแบบใหม่ที่ลุ้นสนุกกับทั้งนักกอล์ฟและคนดู ด้วยบรรยากาศที่น่าประทับใจในทุกรายการที่ผมเคยเล่นมา และการได้สัมผัสประสบการณ์เดียวกันนี้ในบ้านเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยม ซึ่งนี่จะเป็นอะไรที่พิเศษมากสำหรับนักกอล์ฟชาวไทยและแฟนกอล์ฟ”
ทางด้าน สดมภ์ แก้วกาญจนา แชมป์เอเชียนทัวร์ 2 รายการ ลงแข่งในลิฟ กอล์ฟ อินวิเตชันแนล ฤดูกาลนี้มาแล้ว 4 ครั้งเช่นกัน โดยเจ้าตัว กล่าวว่า “การได้ลงเล่นรายการนี้ที่ประเทศไทย เป็นการยืนยันว่าลิฟ กอล์ฟ เป็นลีกระดับโลก ที่นำนักกอล์ฟฝีมือดีที่สุดในโลกมาแข่งขันที่ไทย และทำให้เกมกีฬากอล์ฟเติบโตในภูมิภาคเอเชีย ลิฟ กอล์ฟคือความแปลกใหม่ที่น่าต้นเต้น”
ขณะที่ อนีร์บาน ลาฮิรี ยอดฝีมือจากอินเดีย เผยรู้สึกยินดีที่การแข่งขันลิฟ กอล์ฟ ซีรีส์ มาจัดในเอเชีย โดยอนีร์บานเพิ่งเซ็นสัญญากับลิฟ กอล์ฟ เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และประเดิมสนามแรกด้วยการคว้ารองแชมป์ที่บอสตัน โดยแพ้ในการดวลเพลย์ออฟ 3 คน กับ ดัสติน จอห์นสัน ที่เป็นฝ่ายคว้าแชมป์ และฮาคิน นีมันน์ จากชิลี
ลาฮิรี กล่าวว่า “จากประสบการณ์ที่ได้ร่วมแข่งขัน ผมคิดว่า ลิฟ กอล์ฟ มีความพิเศษมาก การแข่งขัน ลิฟ กอล์ฟ อินวิเตชั่นแนล แบงคอก นำสิ่งพิเศษมาสู่ประเทศไทยและภูมิภาคเอเชีย ปัจจุบันมีแฟนกีฬากอล์ฟจำนวนมากในภูมิภาคเอเชีย และแฟนๆ จะสนุกกับการรับชมโปรกอล์ฟระดับโลกลงแข่งขันรายการที่ดีที่สุดรายการหนึ่ง นักกอล์ฟชื่นชอบบรรยากาศการแข่งขันในทัวร์นาเมนท์นี้ รวมถึงรูปแบบการแข่งขัน และแฟนกอล์ฟเอเชียจะได้สัมผัสบรรยากาศแบบนี้แล้ว”
แฟนกีฬากอล์ฟสามารถซื้อบัตรเข้าชมได้แล้วที่ tickets.livgolf.com หรือ www.thaiticketmajor.com สำหรับกราวด์ พาส บัตรเข้าชม 1 วัน ราคา 800 บาท บัตรเข้าชมแพคเกจ 3 วันราคา 1,600 บาท นอกจากนี้ยังมีบัตรแพคเกจ 1 วัน และ 3 วัน สำหรับโซนคลับ 54 และ แกลอรี่ คลับ
ขณะเดียวกัน แฟนกีฬากอล์ฟสามารถรับชมการถ่ายทอดสดการแข่งขัน ลิฟ กอล์ฟ อินวิเตชันแนล ชิคาโก ซึ่งกำลังแข่งขันในสัปดาห์นี้ได้ทางเว็บไซต์ livgolf.com และช่องยูทูป LIV Golf YouTube ระหว่างวันที่ 16-18 กันยายนนี้
สำหรับ ลิฟ กอล์ฟ อินวิเตชั่นแนล ซีรีส์ ดำเนินการจัดการแข่งขันโดย ลิฟ กอล์ฟ อินเวสต์เมนท์ส ซึ่งมีวิสัยทัศน์และพันธกิจ ส่งเสริมการลงทุนอย่างครอบคลุมและยั่งยืน เพื่อพัฒนากีฬากอล์ฟกีฬากอล์ฟทั่วโลก

สัมผัส Stonehill..
ทีมงานสำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์ พร้อมเพื่อนก๊วนกอล์ฟ ลงไปทดสอบสนามกอล์ฟ Stonehill ที่สดใหม่และร้อนแรงที่สุดในเวลานี้..
โดยแรกสุดที่สัมผัสคลับเฮ้าส์หรูหราอลังการงานสร้าง ล็อกเกอร์ ห้องอาหาร บาร์เครื่องดื่มเทียบชั้นภัตตาคาร มีเชฟฝีมือดีคอยเนรมิตรเมนูอาหารรสชาติอร่อยด้วยเมนูหลากหลายภายใต้บรรยากาศภายในตกแต่งสไตล์ต่างประเทศ


โดย “เจ้าสัวสารัชถ์” พร้อมลูกชาย “สาริศ” ลงทุนบินไปเลือกวัสดุตกแต่ง ทั้งหินแกรนิตชั้นดีโคมไฟ และอื่นๆ ถึงประเทศอิตาลีมารังสรรค์ด้วยตัวเอง
สัมผัสแรกสนามกอล์ฟ Stonehill เลย์เอ้าท์ทั้ง 18 หลุม ท้าทายนักกอล์ฟอย่างมาก แท่นทีออฟของแต่ละหลุมหญ้าเรียบเนียนกริบ แฟร์เวย์ในหลุมยาวพาร์ 4 และพาร์ 5 กว้างมากๆ ท้าทายนักกอล์ฟที่ไดร์ฟประเภท “สิงห์ปืนใหญ่” หวดได้สุดแรงวงสวิง
บนแฟร์เวย์ยังท้าท้ายด้วย การปั้นเนินดิน มีสโลปสูงต่ำ และจุดเด่นของแฟร์เวย์ยังถูกดีไซน์ให้ลูกกอล์ฟวิ่งฉิวเป็นหญ้าที่เรียบเนียนไปได้ไกลจากจุดตกทำระยะเพิ่มได้อีกหลายหลา

จุดที่เป็นอุปสรรคในแต่ละหลุม มีการดีไซน์บังเกอร์ทรายดักนักกอล์ฟ โดยเฉพาะในหลุมยาวพาร์ 4 และพาร์ 5 จะมีหลุมบังเกอร์หลายจุดอยู่บนแฟร์เวย์ และหลุมบังเกอร์รอบกรีน ส่วนต้นไม้หรือรัฟข้างแฟร์เวย์นั้น ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการเล่นมากนัก แต่รัฟบางจุด “เหนียวและหนา” ต้องระวังรัฟดึงหน้าเหล็กเปลี่ยนทิศทางของลูกกอล์ฟไปซ้ายหรือขวาห่างเป้าหมายบนกรีนได้
ขณะที่อุปสรรค “น้ำ” มีความท้าทายตลอดสองข้างแฟร์เวย์มีเพียงไม่กี่หลุม แต่จะมีอุปสรรคน้ำจุดที่ท้าทายสุดๆจะอยู่รอบๆ กรีน ซึ่งมีกรีนหลายหลุม ที่ดีไซน์คูน้ำดักนักกอล์ฟก่อนขึ้นกรีน จุดนี้ต้องอ่านระยะและวางแผนขึ้นกรีนให้ดี เพราะก๊วนกอล์ฟในวันรีวิวสนามฯ ช็อตขึ้นกรีน
พลาดท่า “ตกน้ำเปียกปอน” กันหลายหลุม!
จุดที่เป็นไฮไลต์ของสนามกอล์ฟ Stonehill ที่ได้สัมผัส น่าจะเป็น “กรีนพัตต์” ที่มีความทริกกี้หรือเจ้าเล่ห์มากๆ มีเนินสูง-ต่ำ ลาดเอียง บวกกับความไวของกรีนชนิดเรียกได้ว่า “กรีนไวดุจพัดบนกระจก” นับว่า เป็นจุดท้าทายนักกอล์ฟในการทำสกอร์ให้ได้แต้มต่ำๆ อย่างมากทีเดียว

สิ่งที่ประทับใจใน Stonehill ต้องยกนิ้วให้ผู้ออกแบบสนามที่ “เนรมิตท้องทุ่งนาเป็นเนินดินสลับสูง-ต่ำขนาดย่อม” คล้าย Hill กลางทุ่งนา ขณะที่เลย์เอ้าท์ในแต่ละหลุมมีมิติของความสูง-ต่ำ เรียกได้ว่า คล้ายๆ สนามภูเขาขนาดย่อมเลยทีเดียว ซึ่งท้าทายการ “วัดระยะและการเลือกเหล็ก” ให้ถูกต้องในช็อตขึ้นกรีน เพราะหากพลาดนิดเดียวถ้าตีไม่ออนกรีน หรือตีหลุดกรีน ความท้าทายใหม่ของนักกอล์ฟจะเสี่ยงอุปสรรคใหม่ คือ “ตกน้ำหรือตกบังเกอร์ทราย” รอบกรีนทันที และที่สำคัญช็อตกรีนแอฟโพรดขึ้นกรีนเกือบทุกหลุม ต้องขึ้นให้ถูกจุด เพราะอย่างที่เล่าในตอนต้น บนกรีนทีสโลปสูง-ต่ำ ลาดเอียง ชนิดที่ลูกกอล์ฟวิ่งไม่หยุด แถมการออกแบบยังยกกรีนสูง ลูกกอล์ฟมีโอกาสไหลลงข้างกรีนที่เลียบเตียน ซึ่งมีเพื่อนร่มก๊วนกอล์ฟหลายคนในวันที่ออกรอบรีวิว Stonehill ถึงขั้นงัดกลยุทธ์ “นอกตำราวิชากอล์ฟ” โดยใช้พัตต์เตอร์พัตขึ้นกรีนในระยะ 30-50 หลา รอบๆ กรีน แทนการขึ้นกรีนด้วยการใข้เหล็กลอฟต่ำๆ ชิปลูกขึ้นกรีน เพราะอาจเกิดอาการ “ชิปฉึก” ได้

หากนักกอล์ฟสนใจออกรอบสนามกอล์ฟน้องใหม่ที่กำลังร้อนแรง อย่าง Stonehill ก็รอความพร้อมของสนามฯ ไปอีกสักระยะหนึ่ง ทั้งความพร้อมด้าน Facility ต่างๆ เช่น คลับเฮ้าส์ ร้านอาหาร แคดดี้ และอื่นๆ โดยเฉพาะสนามกอล์ฟแห่งนี้ จะเป็นสนามปิด “เปิดรับเมมเบอร์ หรือสมาชิก (กระเป๋าหนัก)” คาดว่า น่าจะตีตั๋วระดับสูงพอสมควร เพราะ Stonehill ของเจ้าสัว “สารัชถ์ รัตนาวะดี” บอสใหญ่แห่งค่ายกัลฟ์ เอ็นเนอยี่ ที่มีเจ้าสัวน้อย “สาริศ รัตนาวะดี” เป็นหัวเรียวหัวแรงสำคัญในการจุดประกายแจ้งเกิด Stonehill จะชูสนามกอล์ฟแห่งนี้เป็นแฟลกชิฟสำคัญในการต่อยอดธุรกิจแสนล้าน และบูมการท่องเที่ยวไทยด้วยกอล์ฟ ซึ่งเป็น “กีฬาของผู้บริหารกระเป๋าหนัก” จากทั่วโลก!