
“กรุงไทย” ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 0.25%
ธนาคารกรุงไทย เคียงข้างคนไทยฝ่าวิกฤต ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 0.25% สอดคล้องกับมติกนง. เพื่อช่วยลูกค้าทุกกลุ่มเร่งปรับตัวรับกับความท้าทายครั้งสำคัญจากการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการผลิตและห่วงโซ่อุปทานของโลก และการแข่งขันที่จะทวีความเข้มข้นขึ้นในเวลาอันใกล้ รวมทั้งเศรษฐกิจในประเทศที่มีปัญหาเชิงโครงสร้างที่ต้องเร่งปฏิรูป

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงไทย ตระหนักถึงสถานการณ์เศรษฐกิจไทยที่อยู่ในจุดที่เปราะบาง โดยเฉพาะผลกระทบจากกฎกติกาการค้าที่พลิกผันครั้งใหญ่ ซึ่งจะนำไปสู่การแข่งขันในรูปแบบใหม่ในสายการผลิตของโลก จำเป็นต้องมีการปรับตัวและปฏิรูปภายในประเทศ เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันใหม่ และแย่งชิงพื้นที่เพื่อเปลี่ยนผ่านประเทศไปสู่จุดที่ดีกว่าเดิม ซึ่งทุกประเทศต่างเร่งออกมาตรการเพื่อให้ภาคธุรกิจปรับตัว ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยยังมีปัญหาเชิงโครงสร้างจากเศรษฐกิจนอกระบบขนาดใหญ่ และหนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูง โดยรวมถือเป็น Perfect Storm ที่สร้างความท้าทายอย่างยิ่ง
ธนาคารกรุงไทย เร่งสนับสนุนคนไทยและธุรกิจไทยให้สามารถก้าวผ่านความท้าทายครั้งสำคัญ จึงประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 0.25% เพื่อช่วยลูกค้าทุกกลุ่มเร่งปรับตัว ภายใต้ข้อจำกัดจากปัญหาเชิงโครงสร้างที่ยังต้องใช้เวลาในการแก้ไข ลดภาระทางการเงินของประชาชน โดยเฉพาะครัวเรือนกลุ่มเปราะบาง ผู้ประกอบอาชีพอิสระ และ SME ประคองธุรกิจ และลูกค้า ประชาชนให้เดินหน้าต่อไปได้ โดยการลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ สอดคล้องกับการปรับลดดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)
• อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) ปรับลดลงจากปัจจุบัน เป็น 6.620 % ต่อปี
• อัตราดอกเบี้ยเงินลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (MLR) ปรับลดลงจากปัจจุบัน เป็น 6.500 % ต่อปี
• อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ปรับลดลงจากปัจจุบัน เป็น 7.045 % ต่อปี
โดยมีผลในวันที่ 15 สิงหาคม 2568 ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากยังไม่เปลี่ยนแปลง

“ในภาวะที่ประเทศไทยเผชิญความท้าทายครั้งใหญ่จาก Perfect Storm ทั้งโครงสร้างภายในและระเบียบโลกใหม่ นำมาซึ่งความจำเป็นในการปฏิรูปความสามารถในการแข่งขัน ยกระดับรายได้ และจัดสรรทรัพยากรของประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ ธนาคารกรุงไทยพร้อมเป็นพลังสำคัญในการช่วยลดภาระทางการเงินของลูกค้า ผ่านการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ และเร่งการปรับโครงสร้างหนี้ ให้เหมาะสมกับศักยภาพของแต่ละกลุ่มลูกค้า เพื่อสนับสนุนลูกค้ามีโอกาสฟื้นตัวต่อไปได้อย่างมีศักยภาพ”
“ออมสิน” ลดดอกเบี้ยเงินกู้ทุกตัว หวังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งระบบ
นายวีระชัย อมรถกลสุเวช รองผู้อำนวยการธนาคารออมสินอาวุโส รักษาการผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารออมสินพร้อมเดินหน้าเคียงข้างประชาชนและภาคธุรกิจไทย โดยประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง 0.25% ต่อปี สอดคล้องกับมติคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เพื่อช่วยลดภาระทางการเงิน เพิ่มสภาพคล่อง และสนับสนุนการปรับตัวของผู้ประกอบการและประชาชน การปรับลดครั้งนี้เป็นการสานต่อมาตรการช่วยเหลือที่ธนาคารได้ริเริ่มมาก่อนหน้านี้ ซึ่งได้เคยนำร่องลดดอกเบี้ยเงินกู้มาแล้ว 2 ครั้ง ในปี 2568 เพื่อบรรเทาผลกระทบจากต้นทุนทางการเงินและกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในวงกว้าง ทั้งยังสะท้อนการยึดมั่นในแนวทาง “ธนาคารเพื่อสังคม” ที่พร้อมปรับลดกำไรให้อยู่ในระดับเหมาะสม เพื่อขยายความสามารถในการช่วยเหลือภารกิจทางสังคมได้มากขึ้น ธนาคารออมสินจึงประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท ดังนี้

- อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำสำหรับลูกค้ารายย่อย (MRR) ลดเหลือ 6.295% ต่อปี
- อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำสำหรับลูกค้าสินเชื่อรายใหญ่ (MLR) ลดเหลือ 6.325% ต่อปี
- อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำสำหรับลูกค้าใช้วงเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) ลดเหลือ 6.095% ต่อปี
ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทั้ง 3 ประเภทของธนาคาร (MRR / MLR / MOR) ยังคงต่ำที่สุดในระบบ เมื่อเทียบกับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่

ทั้งนี้ ธนาคารจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากเดิม เพื่อให้ผู้ฝากยังได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสมตามภารกิจส่งเสริมการออม ควบคู่กับการสนับสนุนให้เศรษฐกิจปรับตัวรับมือกับความผันผวนของเศรษฐกิจโลก และแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างภายในประเทศที่กระทบกำลังซื้อและความสามารถในการแข่งขัน โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป หรือจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง
“ธอส.” อุ้มรายย่อย!
นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก 1.75% ต่อปี เป็น 1.50% ต่อปี เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2568 ธอส. พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดภาระด้านที่อยู่อาศัยให้ลูกค้าและขับเคลื่อนภาคอสังหาริมทรัพย์ของประเทศ จึงปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) 0.25% ต่อปี จากปัจจุบัน 6.495% ต่อปี เป็น 6.245% ต่อปี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป ส่งผลให้ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ย MRR ของ ธอส. ยังคงอยู่ในระดับต่ำสุดเมื่อเทียบกับธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินของรัฐอื่น

“การที่ ธอส. ปรับลดอัตราดอกเบี้ย MRR 0.25% ต่อปี เนื่องจากต้องการช่วยลดภาระหนี้ให้กับลูกค้ารายย่อยที่เป็นฐานลูกค้าหลักของธนาคาร จะทำให้ค่าใช้จ่ายในการผ่อนชำระเงินงวดของลูกค้าลดลงและทำให้มีเงินเพียงพอสำหรับการดำรงชีพต่อไปได้ ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (MLR) อยู่ที่ 6.100% ต่อปี และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) อยู่ที่ 6.000% ต่อปี ถือว่าอยู่ในระดับต่ำสุดเมื่อเทียบกับตลาด” นายกมลภพ กล่าว
ธอส. ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ ที่มีพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” ได้ให้ความสำคัญในการดูแลลูกค้าทุกกลุ่มมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง รวมไปถึงลูกค้ากลุ่มเปราะบาง ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นผ่านการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง นอกจากนี้ ธอส. ยังช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบด้านรายได้ให้ยังคงรักษาบ้านของตนเองไว้ได้ต่อไป

โดยลูกค้าสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ G H Bank Call Center โทร 0-2645-9000 หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และติดตามข่าวสารของธนาคารได้ที่ Application : GHB ALL GEN และ www.ghbank.co.th
“กสิกรไทย” ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทั้ง MLR MOR และ MRR ลงร้อยละ 0.25 ต่อปี
นายจงรัก รัตนเพียร ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้สอดคล้องกับมติของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ซึ่งได้มีมติเป็นเอกฉันท์ในการประชุมเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2568 ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงร้อยละ 0.25 เหลือร้อยละ 1.50 ต่อปี ตามภาวะเศรษฐกิจไทยที่แม้จะยังคงขยายตัวได้ใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ แต่ยังเผชิญความท้าทายหลายด้านซึ่งมีแนวโน้มจะส่งผลกระทบต่อปัญหาเชิงโครงสร้างและขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ นอกจากนี้ การดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายเพิ่มขึ้นน่าจะเอื้อต่อการปรับตัวของภาคธุรกิจ และกลุ่มเปราะบาง ซึ่งสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของธนาคารที่ให้ความสำคัญกับการดูแลลูกค้าทุกกลุ่มอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ เช่น ลูกค้ารายย่อยและผู้ประกอบการรายเล็กที่ยังคงเผชิญภาระต้นทุนทางการเงินสูงท่ามกลางรายได้ที่ฟื้นตัวช้า

ธนาคารทำการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อลง โดยมีรายละเอียดดังนี้
• อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (MLR) ปรับลด 0.25% จาก 6.97% เหลือ 6.72% ต่อปี
• อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) ปรับลด 0.25% จาก 6.94% เหลือ 6.69% ต่อปี
• อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ปรับลด 0.25% จาก 7.03% เหลือ 6.78% ต่อปี

ธนาคารเชื่อมั่นว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้จะช่วยลดต้นทุนทางการเงิน เสริมสภาพคล่อง และเพิ่มความสามารถในการปรับตัวของภาคธุรกิจและครัวเรือน อันจะนำไปสู่ความมั่นคงทางเศรษฐกิจในระยะยาว และธนาคารพร้อมทำหน้าที่เป็นกลไกสำคัญในการส่งผ่านอัตราดอกเบี้ยสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างเหมาะสม ช่วยให้ลูกค้าของธนาคารมีความยืดหยุ่นทางการเงิน เพื่อต่อยอดการฟื้นตัวและการเติบโตอย่างยั่งยืน
“ทีทีบี” ลดดอกเบี้ยเงินกู้ทุกกลุ่ม 0.25% ต่อปี
นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต กล่าวว่า ทีทีบี พร้อมอยู่เคียงข้างและให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ลูกค้าทุกกลุ่มในทุกสถานการณ์มาโดยตลอด โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่สภาพเศรษฐกิจเปราะบางจากปัจจัยภายในและนอกประเทศ อาทิ ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากมาตรการภาษีสหรัฐในช่วงครึ่งปีหลังที่กระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของภาคธุรกิจ ผลพวงจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีแนวโน้มลดลง อีกทั้งปัญหาหนี้ครัวเรือนที่รายได้ไม่สัมพันธ์กับรายจ่ายยังคงเป็นปัญหาเรื้อรัง ล้วนเป็นปัจจัยที่กดดันให้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มปรับตัวลง เพื่อเป็นการสอดรับกับมติ กนง. ที่ต้องการช่วยเพิ่มความผ่อนคลาย กระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และช่วยบรรเทาไม่ให้ค่าครองชีพของลูกค้าและต้นทุนของธุรกิจยิ่งสูงไปกว่านี้ ทีทีบี จึงได้พิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง 0.25% ต่อปีเพื่อช่วยเหลือลูกค้าทุกกลุ่ม ตั้งแต่รายย่อย ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และกลุ่มลูกค้าธุรกิจ สำหรับผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่อ้างอิงอัตราดอกเบี้ย MLR, MOR และ MRR โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 15 ส.ค. 2568

นอกจากความช่วยเหลือด้านการปรับลดอัตราดอกเบี้ยแล้ว ธนาคารยังคงตอกย้ำปีแห่งการช่วยเหลือลูกหนี้สนับสนุนลูกค้าสินเชื่อเพิ่มเติมผ่านโปรแกรม “ทีทีบี ผ่อนดี.. มีรางวัล” ที่ให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่มีประวัติผ่อนดี ซึ่งถือเป็นลูกค้าอีกกลุ่มที่สำคัญและยังไม่ค่อยได้รับการช่วยเหลือ โดยโปรแกรมนี้ให้ความช่วยเหลือครอบคลุมทั้งคนผ่อนดีที่มีบ้าน มีรถ และกลุ่มพนักงานเงินเดือนที่มีสินเชื่อบุคคล ซึ่งการปรับลดดอกเบี้ยลงในครั้งนี้ จะช่วยให้ลูกค้าได้รับสิทธิประโยชน์จากโปรแกรมนี้เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ทีทีบี ยังพร้อมให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ต่าง ๆ ตลอดจนมีความมุ่งมั่นส่งเสริมให้ลูกค้าสามารถจัดการภาระหนี้ที่มีอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยั่งยืนผ่านโซลูชันรวบหนี้ โซลูชันโอนยอดหนี้ โครงการคุณสู้ เราช่วย ควบคู่กับแนะนำการให้ความรู้ทางการเงิน เพื่อการจัดการหนี้ที่สอดคล้องกับรายได้และความสามารถในการชำระคืน ภายใต้หลักเกณฑ์การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) ตามเป้าหมายของธนาคารที่มุ่งมั่นทำให้คนไทยมีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นทั้งวันนี้ และอนาคต

กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว : สินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์ อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญา 3% - 4% ต่อปี สมมติฐานการคำนวณมาจากอัตราดอกเบี้ย MRR-4.215% ถึง MRR-3.615% ต่อปี อัตราดอกเบี้ย MRR ณ วันที่ 15 ส.ค. 68 = 7.30
ทั้งนี้ แบงก์กรุงเทพ ได้นำร่องลดดอกเบี้ยไปก่อนหน้านี้แล้ว (https://www.facebook.com/share/r/19VW43Xh5Y/?mibextid=wwXIfr)
