
คณะกรรมการกฤษฎีกาคณะที่หนึ่ง ซึ่งมี นายมีชัย ฤชุพันธ์ เป็นประธาน มีกำหนดจะพิจารณาข้อหารือจากสำนักผู้ตรวจการแผ่นดิน กรณีการขาดคุณสมบัติของ ศ.คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในวันที่ 5 สิงหาคม 2568 นี้
หลังจากมีการระบุว่า ประธาน กสทช. ขาดคุณสมบัติตามกฎหมายไปแล้ว ทั้งจากคณะกรรมาธิการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และการโทรคมนาคม (ไอซีที) วุฒิสภา คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร แต่ประธานกสทช.ยังคงดำรงตำแหน่งดังกล่าวต่อเนื่องมากระทั่งปัจจุบันร่วม 3 ปี แม้นักวิชาการ องค์กรและสมาคมต่างๆ จะมีการทักท้วงหลายครั้งเรื่องความเสียหายที่เกิดขั้นจากการอนุมัติต่างๆ ของประธาน กสทช.

ล่าสุด สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้ขอให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาให้ความเห็นประเด็นปัญหาข้อกฎหมาย หลังจากทำหนังสือสอบถามไปที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เนื่องจากนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาการณ์ตามกฎหมาย กสทช. และเป็นผู้ดำเนินการทูลเกล้าฯ แต่งตั้ง กสทช. ทั้งชุด แต่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กลับส่งเรื่องไปให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เป็นผู้พิจารณาอีกทอด
# มหากาพย์การตรวจสอบคุณสมบัติ "หมอไห่"
ประเด็นการตรวจสอบคุณสมบัติของ ศ.คลินิก นพ.สรณ ประธาน กสทช. เริ่มจากข้อร้องเรียนของ ผศ.ดร.ภูมิศิษฐ์ มหาเวสน์ศิริ รองเลขาธิการ กสทช. ที่ยื่นต่อประธานวุฒิสภา เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2566 ก่อนที่ประธานวุฒิสภาในขณะนั้น (นายพรเพชร วิชิตชลชัย) จะมอบหมายให้คณะกรรมาธิการเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการโทรคมนาคม วุฒิสภา (กมธ.ไอซีที) เป็นผู้พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง

คณะกรรมาธิการไอซีที วุฒิสภา ได้สรุปผลการสอบข้อเท็จจริง และนำรายงานผลการพิจารณาเสนอที่ประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภาครั้งที่ 16/2567 เมื่อ 5 กรกฎาคม 2567 สรุปว่า “ศาสตราจารย์ คลินิก นพ.สรณฯ มีลักษณะเป็นผู้ที่ขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้าม ตามพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ มาตรา 7 ข (12) มาตรา 4 และมาตรา 26 ประกอบกับ มาตรา 18 และมาตรา 20”
หลังจากวุฒิสภาชุดก่อนหมดอายุลงไป คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมี นายรังสิมันต์ โรม เป็นประธาน ได้นำประเด็นดังกล่าวขึ้นมาพิจารณาอีกครั้ง โดยมีตัวแทนจากทางคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานเลขาวุฒิสภา ตลอดจน สำนักงาน กสทช. เข้าร่วมให้ข้อมูลซึ่งได้ข้อสรุปว่า สาระสำคัญของการขาดคุณสมบัติของประธาน กสทช. สมบูรณ์ไร้ข้อสงสัยไปแล้ว เหลือเพียงการดำเนินการตามกระบวนการให้เป็นไปตามกฎหมายเท่านั้น โดยนายกรัฐมนตรีต้องเป็นผู้ดำเนินการทูลเกล้าฯ ให้พ้นตำแหน่ง
ขณะเดียวกัน สำนักงานสภาผู้บริโภค ได้ยื่นหนังสือด่วนถึงสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เรียกร้องให้ ศ.คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ยุติการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งประธานกรรมการ กสทช. โดยให้เหตุผลว่า มีลักษณะต้องห้ามและขาดคุณสมบัติตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งการดำรงตำแหน่งในสภาพที่ขาดคุณสมบัติ ย่อมไม่ชอบด้วยกฎหมาย พร้อมทั้งขอให้ระงับการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะกรรมการ กสทช. ด้วยเช่นกัน ระหว่างที่อยู่ในกระบวนการเสนอให้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้พ้นจากตำแหน่ง

ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมาเคยมีกรณีที่กรรมการ กสทช. มีลักษณะต้องห้าม และได้แจ้งยุติการปฏิบัติหน้าที่ระหว่างรอขั้นตอนการดำเนินการให้พ้นจากตำแหน่งมาก่อนแล้ว และเพื่อไม่ให้กระทบต่อภาพลักษณ์และการดำเนินงานขององค์กร รวมทั้งไม่ให้เป็นการฉวยโอกาสใช้อำนาจหน้าที่ซึ่งตัวเองไม่มีแล้ว พิจารณาในสิ่งที่กระทบต่อสิทธิของผู้บริโภค
“การพิจารณาใด ๆ ของ กสทช. ที่อาจมีผลกระทบต่อสิทธิของผู้บริโภค หากดำเนินการโดยบุคคลที่ขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้าม ย่อมไม่ชอบธรรม โดยเฉพาะในประเด็นเกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคซึ่งถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและสำคัญ”