
สภาฯผู้บริโภค ฮึ่ม! ขู่ลุกฮือฟ้อง กสทช. ทั่วประเทศ หลังแบไต๋ยืนข้างนายทุนไม่ทำหน้าที่เพื่อประโยชน์ประชาชน ทำตลาดโทรคมฯ ผูกขาดถาวร ท้า กสทช. ดีเบตก่อนลงมติ

น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ ประธานคณะอนุกรรมการด้านการสื่อสาร สภาองค์กรของผู้บริโภค (สอบ.) และอดีตกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวในวงเสวนา "ผลกระทบการผูกขาดมือถือต่อสิทธิพลเมือง 5G" ที่สภาองค์กรเพื่อผู้บริโภคจัดขึ้นว่า การควบรวมธุรกิจระหว่าง บริษัททรู และ ดีแทค ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของ กสทช. และคาดว่า จะมีการลงมติในทันที่ที่ได้รับความเห็นจากคณะกรรมการกฤษฎีกานั้น ส่วนตัวมองว่า การทำหน้าที่ของ กสทช. ไม่เป็นไปตามที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญที่ต้องยืนอยู่ข้างประชาชน ต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน ความมั่นคงของรัฐ และประโยชน์สาธารณะ รวมทั้งการให้ประชาชนมีส่วนได้ใช้ประโยชน์จากคลื่นความถี่ด้วย ดังนั้น สอบ. และเครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภค 14 จังหวัด จะยื่นฟ้อง กสทช. เกี่ยวกับการทำหน้าที่ของ กสทช. ในประเด็นการพิจารณาการควบรวมดังกล่าว
นอกจากนี้ ยังเห็นว่าจำเป็นต้องสร้างการรับรู้ในทุกๆภาคส่วนเกี่ยวกับดีลควบรวมใรครั้งนี้ เพราะไม่ได้มีเพียงผู้บริโภคเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ แต่ยังมีกลุ่มผู้ใช้แรงงานที่หากอัตราค่าบริการเพิ่มขึ้น 10-20 บาท ก็มีผลต่อการดำรงชีวิตแล้ว อีกทั้ง ยังมีกลุ่มเปราะบางที่เป็นผู้พิการ ซึ่งคนกลุ่มนี้จำเป็นต้องได้ใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ตเป็นหลักในการติดต่อสื่อสาร ดังนั้น หากควบรวมกันสำเร็จและราคาสูงขึ้น กลุ่มเหล่านี้อาจจะต้องไม่ถูกลืม

น.ส.สุภิญญา ยังเสนอให้ กสทช. จัดเวทีเปิดรับฟังความเห็นเรื่องนี้ไปยังต่างจังหวัด เพราะเรื่องการควบรวมส่งผลถึงคนทั้งประเทศ ซึ่ง กสทช. มีสำนักงานภูมิภาคอยู่ถึง 20 จังหวัด บอร์ด กสทช. ควรจะมอบนโยบายให้สำนักงานในภูมิภาค ได้เปิดรับฟังความเห็นในเรื่องนี้ด้วย ไม่ใช่อยู่แต่ในมุมของการดีลการควบรวม แต่ในอนาคตอีก 1-2 ปี โลกจะเข้าสู่ยุค IOT อย่างเต็มรูปแบบ การใช้ชีวิตต้องพึ่งพิงกับอินเทอร์เน็ตตามพลวัตของโลก ดังนั้น สิทธิพลเมืองและเสียงของประชาชนจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ กสทช. หรือแม้แต่รัฐบาลเองไม่ควรเพิกเฉย และการรวมกันของ สอบ. และเครือข่าย 14 จังหวัด จะช่วยให้เสียงที่ส่งออกมาทรงพลังมากขึ้น และก่อนที่ กสทช. จะลงมติต่อดีลการควบรวมอย่างไร ควรฟังเสียงของประชาชน และต้องเปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวางและกระจายลงไปได้ทุกย่อมหญ้า
อัดทรูเอาแต่โฆษณาชวนเชื่อ!

ด้าน น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการ สอบ. กล่าวว่า นอกจาก สอบ. และเครือข่าย 14 จังหวัด จะยื่นฟ้อง กสทช. แล้ว สอบ. จะร่วมกับพรรคก้าวไกลยื่นฟ้องการทำหน้าที่ของ กสทช. ในครั้งนี้ด้วย
สำหรับประเด็นการควบรวมทรูและดีแทคนั้น ที่ผ่านมาทรูเอาแต่ส่งข่าวประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับ 5 ข้อดีของการควบรวม แต่ในมุมกลับกันผู้บริโภคจะเสียอะไรไปบ้างกลับไม่มีการพูดถึง ซี่ง สอบ. ก็มี 5 เหตุผลที่ไม่ควรอนุญาตให้ควบรวมฯ ประกอบด้วย 1. ค่าบริการสูงขึ้นอย่างแน่นอน เพราะรายงานของอนุกรรมการ กสทช. ด้านเศรษฐศาสตร์ และด้านคุ้มครองผู้บริโภคและพลเมืองที่ กสทช. ตั้งขึ้นมาก็ระบุผลกระทบในเรื่องนี้ ดังนั้น เมื่อ กสทช. ยังไม่มีหลักประกันอะไรที่จะการันตีได้ว่าอัตราค่าบริการจะไม่สูงขึ้น จึงไม่ควรปล่อยให้เกิดการควบรวม
2. การควบรวมครั้งนี้ คือการรวมกันของผู้ประกอบการรายที่ 2 และ 3 ในตลาดซึ่งหลังควบรวมจะมีผู้ให้บริการรายใหญ่เหลือ 2 ราย คือ เอไอเอส และบริษัทใหม่ของทรูและดีแทค ที่มีส่วนแบ่งทารการตลาดเกิน 50% ทำให้ผู้บริโภคไม่มีทางเลือก แม้จะอ้างว่า ยังเหลือบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด หรือ เอ็นที และมี MVNO อื่นๆ อีก 2 ราย ก็ไม่ได้สะท้อนการแข่งขันที่แท้จริงได้
3. การที่เอกชนอ้างว่า สาเหตุที่ต้องควบรวมเพราะธุรกิจโทรคมนาคมไม่ได้ทำกำไรนั้น ไม่จริงเสมอไป เพราะปัจจุบันแม้รายได้จากบริการด้านเสียง (Voice) ลดลง แต่รายได้จากบริการด้านข้อมูล (Data) ยังอยู่ในระดับที่สูง แสดงว่าผู้ประกอบการยังสามารถสร้างรายได้จากธุรกิจนี้อยู่
4. กลุ่มผู้มีรายได้น้อย กลุ่มนักเรียนที่ต้องใข้อินเทอร์เน็ตสำหรับการศึกษาจำเป็นต้องเติมเงินวันละ 30 บาท หรือเดือนละ 900 บาท ในประเด็นนี้ กสทช. หรือทั้งทรูและดีแทค ยังไม่เคยมีแผนหรือมาตรการในการคุ้มครองดูแลคนเหล่านี้ ตรงกันข้ามหากเมื่อมีการควบรวมแล้ว จะยิ่งทำให้ผู้ใช้บริการในกลุ่มนี้ได้รับผลกระทบ
5. การควบรวมครั้งนี้ไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะ กสทช. มีอำนาจตามประกาศมิให้ผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมกระทำการอย่างใด อันเป็นการผูกขาด หรือลด หรือจำกัดการแข่งขันในการให้บริการโทรคมนาคม รวมถึงการสั่ง “อนุญาต” หรือ “ไม่อนุญาต” การควบรวมธุรกิจของผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมด้วย