
สภาองค์กรของผู้บริโภคชวนจับตา "ทรู" คัดค้าน กสทช.พิรงรอง เข้าร่วมประชุมบอร์ด กสทช.วันนี้ก่อนถกวาระลดเงื่อนไขควบรวมทรู-ดีแทคตามมาตรการ่ กสทช.กำหยดเมื่อ3ปีก่อน ชี้อาจกระทบสิทธิคนทั้งประเทศ
สภาองค์กรของผู้บริโภค ระบุว่า การประชุมของ กสทช. (คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ) ในวันที่ 12 มิถุนายน 2568 มีกรณีการคัดค้านจาก ‘กลุ่มทรู’ ไม่ให้ กสทช.พิรงรอง รามสูต เข้าร่วมพิจารณาวาระสำคัญที่กระทบผู้บริโภคโดยตรง นั่นคือ การปรับปรุงเงื่อนไขหรือมาตรการเฉพาะ กรณีการรวมธุรกิจทรู-ดีแทค
การออกเงื่อนไขมาตรการพิเศษ เป็นส่วนหนึ่งของมติ กสทช. เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2565 ในวาระการรวมธุรกิจระหว่างสองค่ายมือถือใหญ่ คือ บริษัท ทรูคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท โทเทิ่ล แอคเซส คอมมูนิเคชั่น จำกัด หรือ ทรูกับดีแทค โดยมีการกำหนดเงื่อนไขหรือมาตรการเฉพาะเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคผ่านการกำกับดูแลราคา และคุณภาพของโครงข่ายและการบริการ

หลังบอร์ด กสทช. เสียงข้างมาก ผ่านดีลควบรวมประวัติศาสตร์ดังกล่าว ‘กลุ่มทรู’ ตกลงรับคำกับ กสทช. แต่ผ่านมา 3 ปี บริษัททรูกำลังจะขอลดเงื่อนไขมาตรการดังกล่าวลงไปอีก
เป็นที่น่าสังเกตว่า ในการเรียงลำดับวาระการประชุม สำนักงาน กสทช. ได้บรรจุวาระการคัดค้านการปฏิบัติหน้าที่ของ กสทช. มาก่อนหน้า โดยอยู่ในกลุ่มเร่งด่วน เป็นการคัดค้านไม่ให้ กสทช.พิรงรอง เข้าประชุมพิจารณาวาระ “การปรับปรุงเงื่อนไขหรือมาตรการเฉพาะ” ดังกล่าว โดยอ้างคำพิพากษาของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่ตัดสินจำคุก กสทช.พิรงรอง โดยไม่รอลงอาญา จากการฟ้องของ บริษัท บ.ทรูดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของกลุ่มทรู โดยคดีดังกล่าวสืบเนื่องมาจากการแทรกโฆษณาในรายการของช่องทีวีดิจิทัลที่นำเสนอผ่านกล่องอินเทอร์เน็ต และแอปพลิเคชัน ทรูไอดี ซึ่ง กสทช. มีหนังสือเตือนผู้รับใบอนุญาตช่องทีวีดิจิทัลให้ทำตามกฎที่จะต้องใช้โครงข่ายที่ได้รับใบอนุญาตจาก กสทช. ซึ่งทรูไอดีอ้างว่าตนเป็นโอทีทีจึงไม่ต้องขอใบอนุญาตจาก กสทช.
การคัดค้านการปฏิบัติหน้าที่ของ ‘พิรงรอง’ ทาง บ.ทรูมูฟเอชฯ , บริษัท ทรูฯ และบริษัทในกลุ่มบริษัท ทรูฯ ทั้งหมด อ้างว่าเป็น “บริษัทในกลุ่มบริษัทเดียวกับบริษัททรูดิจิทัลฯ” ซึ่งเป็นโจทก์ในคดีที่ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ที่ทรูดิจิทัลเป็นโจทก์ฟ้องพิรงรอง ดังนั้น หาก กสทช. พิรงรอง จะพิจารณาทางปกครองในทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับบริษัท ทรูมูฟเอชฯ บริษัท ทรูฯ และบริษัทในกลุ่มบริษัททรูฯ แล้ว อาจเข้าข่ายไม่เป็นกลาง เป็นเหตุให้มีสภาพร้ายแรงที่ทำให้บริษัทในกลุ่มทรูในทุกวาระการประชุมทั้งหมดไม่เป็นกลางตามมาตรา 16 แห่ง พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครองฯ
อย่างไรก็ตาม ข้ออ้างดังกล่าวขัดแย้งมติของคณะอนุกรรมการที่ปรึกษาด้านกฎหมายของ กสทช. ซึ่งได้พิจารณาและมีมติแล้วว่า การคัดค้านการปฏิบัติหน้าที่ตาม พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครองฯ ผู้ที่มีสิทธิคัดค้านต้องเป็น ‘คู่กรณี’ หรือเป็นผู้มีเหตุพิพาทกับกรรมการที่ถูกคัดค้านโดยตรง หรือเป็นผู้ที่ยื่นคำขอซึ่งจะต้องได้รับการพิจารณาจากกรรมการท่านนั้น ในกรณีที่มีสถานะเป็นนิติบุคคล คู่กรณีจะต้องเป็นนิติบุคคลเดียวกัน
ในกรณีนี้บริษัท ทรูมูฟเอช และบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) แม้เป็นบริษัทในเครือเดียวกันกับ บริษัท ทรู ดิจิทัล จำกัด แต่เป็นคนละนิติบุคคลอย่างชัดเจน จึงไม่สามารถอ้างเหตุตามคำตัดสินดังกล่าวมาคัดค้านได้ อีกทั้งวาระที่จะพิจารณาก็ไม่เกี่ยวกับบริษัท ทรู ดิจิทัล เลย

‘สภาองค์กรของผู้บริโภค’ ระบุว่า ด้วยภาวะของการแบ่งเป็นฝักฝ่ายของกรรมการ กสทช. และผลประโยชน์ที่โยงใย จึงเป็นไปได้ว่าอาจมีการตีความกฎหมายในลักษณะที่อาจจะไม่เป็นคุณกับผู้บริโภค ทำให้ กสทช.พิรงรอง รามสูต ซึ่งเป็นผู้ที่แสดงถึงการปกป้องผู้บริโภคอย่างชัดเจนที่สุดในคณะกรรมการชุดนี้ อาจต้องหลุดออกจากการพิจารณาวาระสำคัญดังกล่าวได้ กล่าวคือ หากกรรมการ กสทช. คนใดคนหนึ่งอ้างว่าตนไม่สบายใจในทางกฎหมายที่จะให้ กสทช.พิรงรอง ร่วมพิจารณาวาระดังกล่าว ก็อาจต้องเข้าสู่กระบวนการตามมาตรา 15 ของ พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครองฯ ที่กำหนดให้กรรมการที่ถูกคัดค้านชี้แจงตนเอง ก่อนออกจากห้องประชุมไป และให้กรรมการที่เหลือลงมติลับว่าจะให้กรรมการที่ถูกคัดค้านดังกล่าวกลับมาร่วมพิจารณาได้หรือไม่ หากได้เสียงมากกว่า 2 ใน 3 จึงจะกลับมาปฏิบัติหน้าที่พิจารณาต่อไปได้
หากเป็นเช่นนั้นจริง ผลประโยชน์ของผู้บริโภคซึ่งมีมูลค่ามหาศาลจะต้องได้รับผลกระทบ เพราะการขอลดเงื่อนไขหลังควบรวม คือการตัดสิทธิประโยชน์ผู้บริโภคกว่าครึ่งประเทศที่เป็นสมาชิกของค่ายทรู ที่มีสัดส่วนการถือครองตลาดในสัดส่วนกว่าร้อยละ 50
ความ “ผิดปกติ” ในการประชุม กสทช. เคยเกิดขึ้นมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนทำให้ผู้บริโภครับผลทางลบอย่างมากมาย การประชุมในวันที่ 12 มิถุนายน 2568 อาจได้เห็นปรากฏการณ์บีบ กสทช. ที่ทำงานคุ้มครองผู้บริโภค ออกจากการลงมติที่จะช่วยปกป้องผลประโยชน์สาธารณะ
ร่วมจับตาการประชุม อย่าให้ กสทช.พิรงรอง ผู้ที่ทำตามหน้าที่ดูแลผลประโยชน์เพื่อประชาชนและสาธารณะถูกบีบให้ออกจากการประชุมสำคัญครั้งนี้