
สุดช็อค! หมูสามชั้นต้มกิโลละ 400 หมูกรอบพุ่งกิโล 700 ..
เสียงสะท้อนของผู้คนที่มีต่อราคาเนื้อหมูยามนี้ดังระงม ที่ปฏิเสธไม่ได้ว่า คงไม่มียุคใดสมัยใดที่ราคาเนื้อหมูจะแพงได้ถึงขนาดนี้ แม้กระทั่งแม่ค้าที่ขายหมูในตลาดขอนแก่นมาถึง 3 รุ่น ยังบอกว่า เกิดมา 60 ปียังไม่เคยเห็นหมูแพงถึงขนาดนี้
ย้อนไปในวันที่สื่อพากันตีข่าว “หมูแพงบรรลัยกัลป์” วันแรกๆ สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติและกลุ่มผู้เลี้ยงในหลายจังหวัดพากันออกมาให้ข้อมูลกันพร้อมหน้าว่า สาเหตุที่หมูแพงนั้นนอกจากเรื่องของโรคระบาดที่เกิดขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาแล้ว ยังมีเรื่องของต้นทุนอาหารสัตว์ที่สูงขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จนเกษตรกรผู้เลี้ยงรายย่อยนับแสนรายไม่สามารถจะแบกรับภาระได้ ต้องพาเหรดเลิกเลี้ยงหมูกันไปแล้วกว่า 160,000 ราย ทำให้หมูหายไปจากตลาด 5-6 ล้านตัว
แต่เมื่อ “โทนี่ วู้ดซัม” นายกฯ โซเชียล ออกมาแพลมข้อมูลอันชวนคิด เหตุที่หมูแพง เพราะมีรายใหญ่พากันกักตุนหมูชำแหละกันเอาไว้ รอปั่นราคาขึ้นไปสูงๆ แล้วจะระบายหมูออกจากห้องเย็น จนทำให้นายกฯ สั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่โรงเชือดและห้องเย็นกันจ้าละหวั่น พร้อมกับสั่งเพิ่มหมู เนื้อหมู ไข่ไก่ และล่าสุดพ่วง “ไก่ เนื้อไก่” เป็นสินค้าควบคุมไปด้วยหวังให้มีการตรึงราคา
ผลการปูพรมตรวจสอบสต๊อกหมูล่าสุดของกรมปศุสัตว์ ที่ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่บุกตรวจสอบห้องเย็นทั่วประเทศกว่า 539 แห่ง ซึ่งพบปริมาณหมูชำแหละมากกว่า 14 ล้านกิโลกรัม และในจำนวนนี้ยังพบด้วยว่า มีสต๊อกหมูชำแหละบางส่วนอีกกว่า 500 ตัน หรือกว่า 5 แสนกิโล ใน 10 ห้องเย็นในจังหวัดสมุทรสาคร ที่ไม่มีเอกสารจดแจ้งกับทางการ
จึงก่อให้เกิดคำถามถึงปริมาณหมูชำแหละที่พบในสต๊อกกว่า 14 ล้านกิโลกรัมนั้น สะท้อนให้เห็นว่าปริมาณหมูที่ขาดแคลนจริงๆ ไม่น่าจะถึง 5-6 ล้านตัว แต่มีแค่ 1 ล้านตัว หรือราว 10-12% เท่านั้น จึงไม่น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ราคาพุ่งกระฉูดได้ถึงเพียงนี้

ขณะเดียวกันก็มีข่าวฮือฮา เมื่อด่านกักกันสัตว์จังหวัดมุกดาหาร และหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 ร่วมกันจับกุมขบวนการลักลอบนำเข้าเนื้อหมูแช่แข็งกว่า 24 ตัน (24,000 กิโลกรัม) มูลค่ากว่า 6 ล้านบาท ขณะใช้รถเทรลเลอร์หัวลากลักลอบนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยเป็นการนำเข้าหมูสามชั้นทั้งหมด ซึ่งจากการตรวจสอบแหล่งทีมาพบว่า มีแหล่งผลิตเป็นบริษัทจำหน่ายผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์แช่แข็งอยู่ในสหพันธรัฐรัสเซีย มีบริษัทในเวียดนามเป็นผู้นำเข้ามาขาย และส่งต่อมายังประเทศไทยอีกที
ทั้งกรณีการตรวจสอบห้องเย็นที่พบหมูชำแหละถูกจัดเก็บไว้รอจำหน่าย หรือกรณีลักลอบนำเข้าเนื้อหมูจากต่างประเทศข้างต้น ล้วนทำให้สังคมพากันตั้งข้อกังขาในความไม่ชอบมาพากลของราคาเนื้อหมูในเมืองไทยว่า เป็นไปได้หรือที่จะเกิดการขาดแคลนจนราคาพุ่งสูงลิ่วขนาดนี้
จนแม้แต่ นายประภัตร โพธิ์สุธน รมช.เกษตร เองก็ยังอดสงสัยในประเด็นนี้ไม่ได้ว่า มีใครปั่นราคาอยู่เบื้องหลังหรือไม่ จนถึงกับเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) หากยังไม่มีการนำสต๊อกหมูชำแหละออกจำหน่าย จะขอให้มีการนำเข้าหมูแก้ไขปัญหาขาดแคลน และมีราคาแพง
น่าแปลก! ขณะที่ประชาชนคนไทยกำลังเดือดร้อนจากราคาหมูแพงอย่างหนัก แต่เครือข่ายธุรกิจของ “เจ้าสัว” ที่ได้ชื่อว่ากุมชะตากรรมอุตสาหกรรมหมูเห็ดเป็ดไก่ครบวงจร แถมยังมีเครือข่ายธุรกิจค้าปลีก ค้าส่งและร้านสะดวกซื้อครบวงจรและกระจายลึกลงไปถึงทุกชุมชนของประเทศกลับปล่อยทุกอย่างไปตามกลไกตลาด ไม่ Take Action อะไรออกมา
ปล่อยให้กระทรวงพาณิชย์ไปควานหามาตรการแก้ไขปัญหาแบบ “ขายผ้าเอาหน้ารอด” ถลุงงบประมาณกว่า 1,400 ล้าน ไปจัดหาหมู-ไก่มาจำหน่ายผ่านกลไกร้านธงฟ้า รถพุ่มพวง ไปตามลำพัง แทนจะอาศัยเครือข่ายธุรกิจของเจ้าสัวช่วยเหลือประชาชน และเป็นกลไกถ่วงดุลราคาหมู-ไก่-ไข่ไก่ในตลาดให้ได้ผล
ช่างย้อนแย้งกับสิ่งที่ผู้คนคาดหวังจริงๆ จาก “เจ้าสัว”... หรือว่านี่คือผลพวงจาก “ทฤษฎีสองสูง” ของเจ้าสัวจริงๆ !!!