
เปิดดีลสุดอัปยศโซลาร์เซลล์สนามบินอู่ตะเภา หลัง กพอ. ไฟเขียวให้ใบอนุญาตกลุ่ม BGRIMM ผลิตไฟโซลาร์เซลล์ในราคาแพงลิบลิ่ว 3.48 บาทต่อหน่วย แพงกว่าที่ กพช. ตั้งโต๊ะซื้อจากเอกชน 2.16 บาทต่อหน่วยเป็นเท่าตัว สุดกังขา "บิ๊กเท้ง"- 2 สส.ปชน. จอมแฉค่าไฟฟ้าแพงหายเข้ากลีบเมฆ ที่แท้คนบี.กริม นั่งอยู่ในอนุ กมธ.พลังงาน ข้างตัว!
จากการที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 19 ส.ค. 2568 ที่ผ่านมา ได้รับทราบ มติคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ในการออกใบอนุญาตการประกอบกิจการพลังงานให้แก่ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIMM ที่ได้รับเลือกเป็นผู้ประกอบการระบบไฟฟ้าและน้ำเย็นในพื้นที่สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา จ.ระยอง ซึ่งจะต้องผลิตไฟฟ้าให้กับเอกชนคู่สัญญาที่ดำเนินโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออก (EECa)

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบข้อมูลโครงการนี้ พบว่า กพอ. ได้ออกประกาศกำหนดเขตส่งเสริมเมืองการบินภาคตะวันออก (EECa) เมื่อวันที่ 13 ก.พ. 2561โดยกำหนดให้พื้นที่ 6,500 ไร่ บริเวณสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา จ.ระยอง เป็นเขตส่งเสริม EECa โดยกองทัพเรือ (ทร.) ในฐานะหน่วยงานเจ้าของโครงการ ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) มีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดหาผู้ผลิตสาธารณูปโภคส่วนกลางที่ต้องใช้ในพื้นที่ดังกล่าว อาทิ ระบบไฟฟ้าและน้ำเย็น เพื่อให้บริการแก่สนามบินและกิจการต่าง ๆ
ต่อมา เมื่อวันที่ 23 ม.ค. 2562 กพอ. มีมติให้ ทร. จัดหาระบบสาธารณูปโภคไฟฟ้าให้เพียงพอสำหรับทั้งโครงการสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินตะวันออก โดยในระยะเริ่มต้นที่ความต้องการใช้ไฟฟ้ายังมีน้อยและมีไฟเหลือให้จำหน่ายให้กิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือไปก่อน
ก่อนที่กลุ่ม BGRIMM จะได้รับเลือกให้เป็นผู้ประกอบการระบบไฟฟ้าและน้ำเย็นกำลังการผลิตสูงสุด 90 เมกะวัตต์ ในบริเวณที่ราชพัสดุพื้นที่สนามบินนานาชาติอู่ตะเภาเมื่อ วันที่ 21 พ.ค. 2563 ซึ่งจะต้องผลิตไฟฟ้าให้กับเอกชนคู่สัญญาที่ดำเนินโครงการพัฒนาสนามบินและเขตส่งเสริม EECa

โดย BGRIMM ต้องลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) กับบริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด (UTA) แต่เนื่องดจากการก่อสร้างสนามบินล่าช้าออกไป เพราะต้องรอความชัดเจนของโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ที่เป็นเงื่อนไขหลักในการดำเนินโครงการ ทำให้ต้องเลื่อนการลงนามออกไป
ก่อนที่ BGRIMM จะลงนามในสัญญา PPA ขายไฟส่วนที่เหลือกับกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือเมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 2563 โดยมีโรงไฟฟ้า 2 ระบบ คือ ระบบผลิตไฟฟ้าและพลังงานร่วม (Co-generation) และระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์)

ทั้งนี้ กลุ่ม BGRIMM ได้ยื่นคำขอรับใบอนุญาตประกอบการพลังงานจากพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์) กำลังการผลิตติดตั้งไม่เกิน 18 เมกะวัตต์ เพื่อขายไฟฟ้าให้แก่กิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือต่อ สกพอ. เมื่อวันที่ 23 ก.ค. 2567 ก่อนเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษฯ (กพอ.) พิจารณาออกใบอนุญาตประกอบกิจการพลังงานตามมาตรา 37 (4) และมาตรา 43 (7) แห่ง พ.ร.บ. EEC
ก่อนที่ บริษัท BGRIMM จะทำหนังสือแสดงเจตนารมณ์ขายไฟฟ้ากับกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือเมื่อวันที่ 27 มี.ค. 2568 โดยมีเงื่อนไขคือ รับซื้อไฟโซลาร์ 15 เมกะวัตต์ มาใช้ภายในหน่วยงานสังกัดกองทัพเรือเท่านั้นมีระยะเวลาซื้อขาย 25 ปีนับตั้งแต่วันเริ่มต้นซื้อขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) โดยกำหนดราคาขายไฟฟ้าจากส่วนลด 15.16% จากอัตราค่าไฟลูกค้าตรงของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่ระดับแรงดัน 115 กิโลโวลต์ หรือ 3.48 บาทต่อหน่วย โดย BGRIMM จะเป็นผู้ก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าตั้งแต่โรงไฟฟ้าไปจนถึงสถานีไฟฟ้าของกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ
ล่าสุดเมื่อวันที่ 25 ก.ค. 2568 ที่ประชุม กพอ. มีมติให้ออกใบอนุญาตให้ BGRIMM ดำเนินธุรกิจพลังงานโซลาร์ในเขต EECa ก่อน สกพอ. จะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบเมื่อวันที่ 19 ส.ค. 2568 ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า มติ กพอ. และสัญญาจัดซื้อไฟของกองทัพเรือระบุว่า ในระยะเริ่มต้นที่ความต้องการใช้ไฟฟ้าโครงการสนามบินอู่ตะเภามีน้อย และมีไฟเหลือให้จำหน่ายไฟห้าแก่สวัสดิการกองทัพเรือ ที้งที่วัตถุประสงค์หลัก คือการขายไฟฟ้าให้สนามบินอู่ตะเภาเป็นหลัก แต่เมื่อโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา และเมืองการบินตะวันออก ต้องเลื่อนออกไปจากแผนงานที่วางไว้ เหตุใด กองทัพเรือและ สกพอ. จึงไม่ชะลอการดำเนินโครงการนี้ออกไปก่อน
อีกทั้ง มีการกำหนดราคาขายไฟโซลาร์ให้กิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือสูงถึง 3.48 บาทต่อหน่วย ซึ่งแพงกว่าการรับซื้อไฟฟ้าโซลาร์ของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) รอบล่าสุดที่ 2.16 บาทต่อหน่วย
ขณะที่หลายฝ่ายยังตั้งข้อสังเกต เหตุใด สส.พรรคประชาชน ที่ผลักดันนโยบายโครงสร้างค่าไฟที่โปร่งใสเป็นธรรม กลับไม่ได้ลงมาตรวจสอบโครงการนี้ ทั้งที่ในอดีต สส.เบญจา แสงจันทร์ เคยออกโรงร้องเรียนกรณีกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือมีการขายไฟให้ประชาชนราคาสูงกว่าปกติ แถมคุณภาพไฟฟ้าก็ยังน่าเป็นห่วง เพราะหลายครั้งไฟมาแบบติด ๆ ดับ ๆ

หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัย เป็นเพราะก่อนหน้านี้ผู้บริหาร BGRIM หลายคนตบเท้าเข้ามานั่งอยู่ในคณะอนุกรรมาธิการพลังงานหรือไม่ จึงทำให้พรรคประชาชน (ปชน.) มีความเกรงอกเกรงใจไม่กล้าลงมาตรวจสอบเรื่องนี้ อย่าง นายโพธิ์ บุญศิริ Senior Vice President บริษัท บริษัท บี.กริม แอลเอ็นจี จำกัด ที่เข้ามานั่งเป็นอนุกรรมมาธิการพลังงาน นอกจากนี้ยังมี นายอรุณพันธ์ ภู่ทอง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานพัฒนาธุรกิจ 2 และธุรกิจ LNG และ นายดอน ทยาทาน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานวิศวกรรม เทคโนโลยี และพัฒนาโครงการ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) (ปัจจุบัน) ที่เข้ามาเป็นอนุกรรมาธิการและที่ปรึกษา