
นายสินนท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU แจ้งเรียน กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2568 เรื่อง การเข้าซื้อบริษัท Bedrock Production, LLC รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา
BANPU ขอเรียนแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2568 BKV Upstream Midstream, LLC บริษัทย่อยของ BANPU ผ่าน BKV Corporation (“BKV”) ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE: BKV) สหรัฐอเมริกา ได้ลงนามในสัญญาการซื้อสัดส่วนความเป็นเจ้าของในบริษัท (“Membership Interest Purchase Agreement” หรือ “MIPA”1) กับ Bedrock Energy Partners, LLC เพื่อเข้าซื้อบริษัท Bedrock Production, LLC เจ้าของธุรกิจก๊าซธรรมชาติ (Upstream) และธุรกิจกลางน้ำ (Midstream) ในแหล่งบาร์เนตต์ (Barnett) รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 370 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (เทียบเท่าประมาณ 11,966 ล้านบาท)

ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการปรับเปลี่ยนตามเงื่อนไขในสัญญาซื้อขาย โดยเงินลงทุนสำหรับโครงการนี้มาจากการออกหุ้นสามัญใหม่ของ BKV ให้กับ Bedrock Energy Partners, LLC ด้วยมูลค่าเทียบเท่า 110 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายใต้เงื่อนไขจำกัดการขายหุ้น (Lock-up Period) เป็นระยะเวลา 60 วัน และเงินทุนสนับสนุนจากสถาบันการเงิน อีกจำนวน 260 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทั้งนี้การลงทุนดังกล่าวอยู่ในระหว่างการปฏิบัติตามเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องในสัญญา โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนตุลาคม 2568
การเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตสินทรัพย์ของ BKV ด้วยแหล่งผลิตก๊าซธรรมชาติคุณภาพสูง รวมถึงระบบธุรกิจกลางน้ำที่เป็นโครงสร้างพื้นฐาน และระบบท่อขนส่งก๊าซธรรมชาติ ความสามารถในการแข่งขันและเพิ่มปริมาณสำรองก๊าซธรรมชาติได้อย่างมีนัยสำคัญ
โดยครอบคลุมพื้นที่การผลิตก๊าซธรรมชาติประมาณ 97,000 เอเคอร์ ในบริเวณแหล่งก๊าซธรรมชาติบาร์เนตต์ ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับแหล่งก๊าซธรรมชาติบาร์เนตต์ที่ BKV ดำเนินการอยู่ แหล่งใหม่นี้มีปริมาณสำรองที่ก๊าซธรรมชาติที่พิสูจน์แล้ว (1P) ประมาณ 1 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุตเทียบเท่า (Tcfe) ซึ่งรวมถึงปริมาณสำรองก๊าซธรรมชาติที่ผลิตได้ (PDP) มากกว่า 70% โดยแหล่งก๊าซธรรมชาตินี้มีการผลิตสุทธิในไตรมาส 2 ปี 2568 จำนวน 108 ล้านลูกบาศก์ฟุต เทียบเท่าต่อวัน (MMcfepd) โดยผลิตเป็นก๊าซธรรมชาติร้อยละ 63 และก๊าซธรรมชาติเหลว (NGL) ร้อยละ 37
ประกอบด้วยหลุมผลิตประมาณ 1,128 หลุม พร้อมทั้งพื้นที่สำหรับการเปิดหลุมขุดเจาะใหม่ประเภท Tier 1 50 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่ต่อเนื่อง (Lateral Lengths) ประมาณ 10,000 ฟุต และพื้นที่เพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต (Refrac) อีก 80 แห่ง อีกทั้งเป็นสินทรัพย์ที่มีประสิทธิภาพในการดำเนินงานสูงและมีการผลิตที่มีเสถียรภาพ

เมื่อวันที่ 7 ส.ค. ที่ผ่านมา BKV Upstream Midstream, LLC บริษัทย่อยของ BANPU ผ่าน BKV Corporation (BKV) ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE: BKV) สหรัฐอเมริกา ได้ลงนามในสัญญาการซื้อสัดส่วนความเป็นเจ้าของในบริษัท (Membership Interest Purchase Agreement หรือ MIPA) กับ Bedrock Energy Partners, LLC เพื่อเข้าซื้อบริษัท Bedrock Production, LLC เจ้าของธุรกิจก๊าซธรรมชาติ (Upstream) และธุรกิจกลางน้ำ (Midstream) ในแหล่งบาร์เนตต์ (Barnett) รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา มูลค่าการซื้อขาย 370 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่าประมาณ 11,966 ล้านบาท
โดยเงินลงทุนสำหรับโครงการนี้มาจากการออกหุ้นสามัญใหม่ของ BKV ให้กับ Bedrock Energy Partners, LLC ด้วยมูลค่าเทียบเท่า 110 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายใต้เงื่อนไขจำกัดการขายหุ้น (Lock-up Period) เป็นระยะเวลา 60 วัน และเงินทุนสนับสนุนจากสถาบันการเงิน อีกจำนวน 260 ล้านเหรียญสหรัฐ คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือน ต.ค. 2568
ทั้งนี้การเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตสินทรัพย์ของ BKV ด้วยแหล่งผลิตก๊าซธรรมชาติคุณภาพสูง รวมถึงระบบธุรกิจกลางน้ำที่เป็นโครงสร้างพื้นฐาน และระบบท่อขนส่งก๊าซธรรมชาติ ซึ่งจะช่วยยกระดับความสามารถในการแข่งขัน และเพิ่มปริมาณสำรองก๊าซธรรมชาติได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยครอบคลุมพื้นที่การผลิตก๊าซธรรมชาติประมาณ 97,000 เอเคอร์ ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับแหล่งก๊าซธรรมชาติบาร์เนตต์ที่ BKV ดำเนินการอยู่ แหล่งใหม่นี้มีปริมาณสำรองที่ก๊าซธรรมชาติที่พิสูจน์แล้ว (1P) ประมาณ 1 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุตเทียบเท่า ซึ่งรวมถึงปริมาณสำรองก๊าซธรรมชาติที่ผลิตได้ (PDP) มากกว่า 70% โดยแหล่งก๊าซธรรมชาตินี้มีการผลิตสุทธิในไตรมาส 2/2568 จำนวน 108 ล้านลูกบาศก์ฟุตเทียบเท่าต่อวัน โดยผลิตเป็นก๊าซธรรมชาติ 63% และก๊าซธรรมชาติเหลว (NGL) 37%

สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2568 บริษัทรายงานผลขาดทุนสุทธิ 945 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่องเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 937 ล้านบาท เป็นผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทต่อเหรียญสหรัฐ ณ สิ้นไตรมาส 2 ที่แข็งค่าขึ้น 1.37 บาทต่อเหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับสิ้นไตรมาส 1 ส่งผลให้บริษัทรับรู้ผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง 75.17 ล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ผลกระทบดังกล่าวเป็นรายการที่ไม่กระทบต่อกระแสเงินสดของบริษัท และไม่ส่งผลกระทบต่อความแข็งแกร่งของการดำเนินงาน
อย่างไรก็ตาม ในไตรมาสนี้ บริษัทรายงานกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) รวม 303 ล้านเหรียญสหรัฐ ประกอบด้วย EBITDA จากธุรกิจถ่านหิน 157 ล้านเหรียญสหรัฐ (เพิ่มขึ้น 26% จากไตรมาสก่อน) ธุรกิจก๊าซธรรมชาติ 63 ล้านเหรียญสหรัฐ (ลดลง 26% จากไตรมาสก่อน) ธุรกิจไฟฟ้า 86 ล้านเหรียญสหรัฐ (เพิ่มขึ้น 58% จากไตรมาสก่อน) และธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน -3 ล้านเหรียญสหรัฐ