ผู้สื่อข่าวรายงาน วานนี้ (20 มี.ค.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เปิดให้กลุ่มบริษัทเอกชน และสถาบันการเงินที่สนใจเข้ายื่นขอใบอนุญาตประกอบกิจการ ธนาคารพาณิชยไร้สาขา หรือ Virtual Bank เป็นวันแรก โดยมีกำหนดให้เอกชนที่สนใจยื่นข้อเสนอ ได้ถึง 6 เดือนถึง 30 ก.ย. 2567ทั้งนี้ หนึ่งในกลุ่มธุรกิจที่แสดงความสนใจเข้ายื่นข้อเสนอ ก็คือ เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด (ซีพี) โดย นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร กล่าวว่า ทางกลุ่ม ซี.พี. อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมในการยื่นขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจธนาคารไร้สาขา หรือ Virtual Bank ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเปิดให้ยื่นขอใบอนุญาตได้แล้วส่วนความร่วมมือกับพันธมิตรรายใหม่เพื่อทำธุรกิจ Virtual Bank นั้น ขณะนี้ยังไม่มี เนื่องจากจะมีพันธมิตรธุรกิจในส่วนของทรูมันนี่ (truemoney) อยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้ปิดกั้น ส่วนการยื่นขอไลเซนส์ เรากำลังรวบรวมความพร้อมอยู่ด้าน นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบีเอกซ์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภายในสัปดาห์นี้บริษัทจะประกาศพันธมิตร (Partner) เพิ่มเติมอีก 1 ราย ซึ่งเป็นบริษัทเชี่ยวชาญทางเทคโนโลยีจากประเทศจีนในการยื่นขอใบอนุญาตจัดตั้งธนาคารไร้สาขา (Virtual Bank) จากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หลังจากก่อนหน้านี้ได้ลงนามความร่วมมือกับ KakaoBank ผู้นำด้านธนาคารดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเกาหลีใต้ จัดตั้ง Consortium ขึ้นส่วนเรื่องจองใบอนุญาต Virtual Bank นั้น นายอาทิตย์ กล่าวว่า การที่มีใบอนุญาต (License) จำนวนเยอะมองว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะสามารถช่วยเข้าไปให้บริการลูกค้าที่เข้าไม่ถึงบริการทางการเงิน อย่างไรก็ดี บริษัทจะทำให้ดีที่สุดในการเข้าไปยื่นขอใบอนุญาต ซึ่งไม่สามารถตอบได้ว่า จะอยู่ใน 1 หรือ 3 รายแรกหรือไม่ แต่เชื่อว่าโมเดลจะต้องความสามารถในด้านเทคโนโลยี และความสามารถในการบริหารความเสี่ยง โดยการเอาข้อมูล (Data) และปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาใช้ ซึ่งหากเดินในรูปแบบนี้จะสามารถเชื่อมกับพันธมิตรได้อีก และจะทำให้ธุรกิจมีความแข็งแรง และมีต้นทุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นกัลฟ์ผนึก AIS - กรุงไทย” ลุย "เวอร์ชวลแบงก์"นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การดำเนินธุรกิจธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (Virtual Bank) ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้กำหนดให้ยื่นภายใน 6 เดือนนั้น กลุ่มบริษัทจะร่วมมือกับ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งจะยื่นภายในปีนี้ ด้วยเงินลงทุนเบื้องต้น 5,000 ล้านบาท จากการที่กัลฟ์ที่มีความรู้ทั้งเทคโนโลยี ส่วนเอไอเอส ถือมีความพร้อมความเข้าใจในสายธุรกิจดีจากจำนวนสมาชิก 45 ล้านเลขหมาย ในขณะที่ กรุงไทย มีความเชี่ยวชาญในการทำธุรกิจสำหรับหลักเกณฑ์ที่ ธปท. ออก ถือว่ามีความชัดเจนมากขึ้น ทำให้การเข้าถึงคนมากขึ้น คนที่ไม่มีโอกาสกู้เงินได้ใช้ระบบบิลดิ้ง ผ่านการใช้ข้อมูลมือถือ ส่วนกรุงไทยสามารถเช็กได้ว่า จะมีความสามารถให้กู้ได้ตอนไหนบ้าง ถือเป็นโอกาสให้คนไทยได้เข้าถึงในอัตราดอกเบี้ยไม่แพงมากและในอนาคต อาจจะหาพันธมิตรเพิ่ม เพื่อมาช่วยสนับสนุน อย่างไรก็ตาม การที่ ธปท. เข้มงวดกฎระเบียบถือว่าดี จะสนับสนุนให้มีความปลอดภัยมากขึ้น ยิ่งเรามีเทคโนโลยีที่พร้อมจะสร้างความมั่นใจมากขึ้น“แผนธุรกิจยังไม่คุยกัน การเข้าถึงฐานลูกค้าทั้ง 2 มีฐานลูกค้าเยอะ จึงมีโอกาสมากขึ้น มีแนวโน้มกลุ่มปล่อยกู้อยู่แล้ว เชื่อว่ารายเล็กที่ต้องการกู้เงินหลักหมื่นบาทหรือหลักแสนบาท จะเข้าถึงง่าย เราจะช่วยคนส่วนมากทั้งประเทศได้เข้าถึงเงินทุน ในอนาคตชีวิตคนเราเปลี่ยนมาสู่ ดิจิทัล เอไอ คลาวด์ มากขึ้น ปีหน้าเราสร้างดาต้าเซ็นเตอร์เสร็จ ธุรกิจด้านอินฟราสตรัคเจอร์ด้านดิจิทัลจะขยายธุรกิจได้เรื่อยๆ”