
จ่อเข้าตำรา “ช้างทั้งโขลงก็ฉุดไม่อยู่”
กับเรื่องที่ "ศ.คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์" ประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ "กสทช." ลุยไฟออกประกาศคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งให้เป็นลขาธิการ กสทช. แบบ “ม้วนเดียวจบ” ไปตั้งแต่วันก่อน
โดยยืนยัน นั่งยันว่า การคัดเลือกและแต่งตั้ง เลขาธิการ กสทช. นั้น เป็นอำนาจสิทธิ์ขาดของประธาน กสทช. ตามบทบัญญัติมาตรา 61 วรรคหนึ่ง พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ ปี 2553 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ที่กำหนดแนวทางการสรรหาและแต่งตั้งเลขาธิการ กสทช. เอาไว้ 2 ทางเลือก คือ ให้กรรมการทุกคนโหวต หรือ ประธานเลือกสรรเหลือ 1 คน ให้กรรมการ กสทช.เห็นชอบ

แต่เมื่อเลขาธิการ กสทช. ต้องทำหน้าที่ดูแลสำนักงาน กสทช. เช่นเดียวกับประธานที่ต้องกำกับดูแลอีกชั้น ขณะที่กรรมการ กสทช. ที่เหลือไม่ได้มีหน้าที่ดูแลสำนักงาน ดังนั้น จึงต้องได้ "คนที่รู้ใจ" ที่สามารถจะทำงานเข้ากันได้ดี ประธาน กสทช. จึงเลือกแนวทางที่ 2 ใช้อำนาจในการคัดเลือกตัวเลขาธิการเอง
พร้อมยืนยัน นั่งยันว่า ไม่ได้ ”ชงเอง-กินเอง” (เพราะจะให้เลขาฯ ชงให้แทนหรือไม่) ก่อนจะเดินหน้าลุยไฟออกประกาศประธาน กสทช. เปิดคัดสรรบุคคลที่สนใจไปแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
แม้ 3 กสทช. ที่ประกอบด้วย พล.อ.ท.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ , รศ.ดร.ศุภัช ศุภชลาศัย และ ศ.พิรงรอง รามสูต จะออกโรงทักท้วงและคัดค้านการดำเนินการของประธาน กสทช. อย่างหนัก ด้วยเห็นว่า เป็นการดำเนินการที่ "ไม่ชอบด้วยกฎหมาย" ขัดต่อระเบียบและประกาศทั้งมวลที่เท่าจะมีในสามโลก และรายงานการประชุมบอร์ด กสทช. ที่นำไปสู่การออกประกาศคัดเลือกฯของประธานก็ไม่ชอบด้วยกฎหมายอีก
โดยทั้ง 3 กสทช.ต่างยืนยัน นั่งยัน (ให้ตีลังกายันก็ยังได้) ว่า อำนาจของประธาน กสทช. ในการแต่งตั้งและถอดถอนเลขาธิการ กสทช. ตามมาตรา 61 นั้น เป็นเพียงกระบวนการทางธุรการเท่านั้น ไม่ใช่อำนาจเบ็ดเสร็จที่ประธาน กสทช. จะดำเนินการคัดเลือก เสนอชื่อ แต่งตั้ง และถอดถอนเลขาธิการ กสทช. ได้เองตามอำเภอใจ แต่เป็นอำนาจของ กสทช. “ทั้งคณะ”
ดังนั้น การที่ประธาน กสทช. อ้างอำนาจตามมาตรา 61 ในการออกประกาศฯ คัดเลือกเลขาธิการฯ ในครั้งนี้ จึงเป็นการดำเนินการที่ไม่มีอำนาจ และไม่ชอบด้วยกฎหมาย
เอาเป็นว่า แม้จะมีเสียงตีเกราะเคาะไม้ เคาะกาละมังดังกระหึ่มหรือตั้งแท่นทักท้วงกันอย่างไร เส้นทางการสรรหาและแต่งตั้งเลขาธิการ กสทช. ที่ถูกประธาน กสทช. "หักดิบ" ยึดอำนาจกระบวนการสรรหาและแต่งตั้งเบ็ดเสร็จ ทั้งสรรหาเอง ชงเอง-ตั้งเอง บอร์ด กสทช.อื่นๆ เป็นได้แค่ “ไม้ประดับ” ทำได้แค่ “รับทราบ” และ "รับเบอร์แสตมป์" เท่านั้น
จะเห็นด้วย-ไม่เห็นด้วยอย่างไร ก็ยังคงเป็นอำนาจของทั่นประธานที่จะดำเนินการตั้งได้เองตามลำพังว่างั้นเหอะ
จบข่าว!เอาตามนั้น!
ก็คงได้แต่ส่งความปรารถนาดี ไปยังท่านประธาน กสทช. การที่ท่านประธานยังคงยืนยันที่จะ “หักดิบ” กสทช.ทั้งคณะ เพียงแค่หวังจะได้ “คนรู้ใจ” มาเป็นเลขาธิการ (หรือเลขานุการส่วนตัวหรือไม่) เพื่อจะได้คนทำงานที่ “มองตาก็ซาบซึ้งไปถึงหัวจิตหัวใจ” นั้น
ท่านประธานไม่คิดหรือว่า แล้วตัวเลขาธิการที่ได้มาแบบ “ข่มเขาควายกินหญ้า” จะทำงานร่วมกับ กสทช. ท่านอื่น ๆ ทั้งคณะได้ มันจะไม่เกิดความกินแหนงแคลงใจ จนทำให้การทำงานและขับเคลื่อนนโยบาย หรือมาตรการต่างๆ เกิดปัญหาขึ้น
จากนี้ไปมันจะไม่แตก “ดังโพล๊ะ” แบบพายเรือคนละทางกันหรือ?

ตัวเลขาธิการที่ได้รับการกระเตงเข้ามาสุด "ทุลักทุเล" แบบนี้ ต่อให้เป็น “ลูกหม้อ-คนใน กสทช.” ที่ท่านประธานหมายมั่นปั้นมือจะเอามา "ใส่ตะกร้าล้างน้ำ" ปั้นให้เป็นเลขาธิการ กสทช. ให้ "สมใจอยาก" ก็ตามเถอะ จะได้รับการยอมรับจากพนักงาน ผู้ปฏิบัติงานในองค์กรแห่งนี้ได้หรือ?
ในเมื่อเส้นทางที่ได้มานั้น ขาดความสง่างาม แต่มาจากการกระเตง และ “อุ้มสม” ของท่านประธานเพียงคนเดียวแบบนี้ ยิ่งหากเกิดไปเป็นคนนอกด้วยแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เดินเข้าองค์กรอิสระแห่งนี้ โดยไม่มีพระนำจะทำได้หรือเปล่ายังไม่รู้เลย
จะว่าไป หากท่านประธาน “มีใคร” อยู่ในใจ อยากจะให้การส่งเสริมกันจริงๆ แล้ว หากจะทำเป็นเนียนๆ ให้บอร์ด กสทช. ทั้งคณะได้ร่วมโหวตหลักเกณฑ์และประกาศคุณสมบัติของว่าที่เลขาธิการ กสทช. ตามที่ทักท้วงกันมานั้น
หากปราการด่านสุดท้ายของการแต่งตั้งมี "คณะกรรมสรรหา" ที่ยังไงก็อยู่ในมือท่านประธานเองนั่นแหละ ถึงเวลานั้นจะเอาตัวเองลงไปนั่งเป็นประธานสรรหา หรือตั้งคน “ใกล้ชิดสุดชิดใกล้” อย่างไรเป็นประธานสรรหา ก็ทำได้ทั้งนั้น
ถึงเวลานั้น จะกระซิบให้เลือกใคร หรือเทคะแนนให้ใครอย่างไร จะไปลากเอาลูกหม้อ "คนหนุ่มไฟแรง" ในองค์กรที่ทำงานรับใช้ท่านประธานราวเป็นเลขานุการส่วนตัว แต่ใครต่อใครก็ส่ายหน้า เพราะผลงานที่ผ่านมามีแต่แผลเหวอะหวะ แต่ถ้าท่านประธานจะจับมา “ใส่ตะกร้าล้างน้ำ” ปั้นให้เป็นว่าที่เลขาธิการ กสทช. อย่างไร มันก็ทำได้ทั้งนั้น องค์กรอิสระ หรือไม่อิสระไหน ๆ เขาก็ทำกันทั้งนั้น
ไม่เห็นจะต้องไป “ดิ้นพล่าน” ฝืนออกประกาศคัดเลือกและสรรหาที่มีแต่จะเรียกแขกให้งานเข้าอย่างที่ทำไป เพราะมีแต่จะทำเอาองค์กรของรัฐที่เป็นอิสระแห่งนี้ “แตกดังโพล๊ะ ๆ ๆ” กันอย่างที่เห็นกันอยู่วันนี้
นี่หากไม่รักใคร่ชอบพอกันจริงๆ คงไม่กระซิบบอกดังๆ ขนาดนี้หรอกครับท่านประธาน... จริงไม่จริง!!!