
วงการรับเหมาวิพากษ์รัฐบาลแห่งความย้อนแย้ง หลังนายกฯ แอ่นอกปกป้องบริวาร ทั้งที่มีคลิปฉาวว่อนเต็มโซเชียล ชี้ไม่ต่างจาก กรณีรัฐ-คมนาคมต่อสัญญาจ้างผู้ว่าการ รฟม. ให้ลุยไฟรถไฟฟ้าสายสีส้ม ทั้งที่ทำโครงการล้มลุกคลุกคลานล่าช้าไปร่วม 3 ปี ทำความเสียหายให้แก่รัฐนับหมื่นล้าน
ขณะะที่นายกรัฐมนตรี “พลเอกประยุทธ์ จันทรโอชา” เรียกร้องให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันตรวจสอบ และช่วยขจัดปัญหาการทุจริตในหน่วยงานภาครัฐ และในโครงการจัดซื้อจัดจ้างต่างๆ อย่างเข้มงวด ทั้งยังยืนยันนั่งยันมาโดยตลอด รัฐบาลชุดนี้จะไม่ปล่อยให้เกิดการทุจริตขึ้นอย่างแน่นอน....

แต่บริวารข้างกายนายกฯ กลับมีพฤติกรรมที่ทำเอาผู้คนในสังคมต่างพากันกังขา ได้สนองตอบนโยบายนายกฯ และรัฐบาลแน่หรือ อย่างกรณีของ “แรมโบ้อีสาน- ดร.เสกสกล อัตถาวงศ์” ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่นายกฯ ส่งไปเป็นรองประธานแก้ไขปัญหาหวยแพง ที่เที่ยวไปไล่จับผู้ค้าสลากออนไลน์ให้สะเทือนกันไปทั้งบาง
แต่ไม่รู้ไปไล่กวดจับปราบหวยแพงกันอีท่าไหน กลับปรากฏคลิปว่อนโซเชียลเรื่องหยิบยืมเงินผู้ค้าหวยออนไลน์ 15 ล้าน ไปใช้หาเสียง และการนำเอาโควตาสลากไปทำมาหากิน จนเรียกแขกให้งานเข้าทำเอาทัวร์ลงรัฐบาล และ “ลุงตู่” เป็นรายวัน ในฐานะคนที่แต่งตั้ง ขณะที่เจ้าตัวก็ออกมาแก้ตัวเป็นพัลวัน ยืนยันว่าเป็นแค่การปรับทุกข์ และ “ล้อเล่น” กับคน “กากี่นั๊ง” ที่สนิทกันมาเป็นสิบปีเท่านั้นไม่มีอะไรในกอไผ่
แถมนายกฯ ยังแอ่นอกปกป้อง หากใครมีหลักฐานว่า องครักษ์พิทักษ์ลุงกระทำผิดจริงก็ให้แสดงออกมา จึงยิ่งกลายเป็นข้อกังขาของผู้คนในสังคม ขนาดนายกฯ ยังแอ่นอกปกป้องลิ่วล้อบริวารที่เต็มไปด้วยมลทินขนาดนี้แล้ว จะไปเพรียกหา “จริยธรรมทางการเมือง” เรียกศรัทธาความเชื่อมั่นจากประชาชนได้อย่างไร..จริงไม่จริง?

เช่นเดียวกับการจัดเก็บภาษีซื้อขายหุ้น Capital Gain Tax ที่กระทรวงการคลังยันนั่งยันว่า ยังไม่มีแผนนำมาใช้ในเร็ว ๆ นี้เพราะสถานการณ์เศรษฐกิจและการลงทุนยังไม่เหมาะสม ไม่เอื้อต่อการเก็บภาษีดังกล่าว แต่วันวาน นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กลับทะลุกลางปล้องว่า จำเป็นต้องนำภาษีซื้อขายหุ้นมาใช้ในปีนี้ โดยจะจัดเก็บในอัตรา 0.1 ของมูลค่าธุรกรรมการซื้อขายหุ้น ท่ามกลางความงวยงงของนักลงทุนอะไรมันจะย้อนแย้งได้ถึงเพียงนี้
“ก็เหมือนกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เพิ่งไฟเขียวต่อสัญญาจ้าง “ผู้ว่าการ รฟม.”- นายภคพงษ์ ศิริกันทรมาศ ออกไปอีกวาระตามข้อเสนอของ รมต.คมนาคม ก่อนหน้านี้ ทั้งที่มีการถูกร้องเรียนเป็นบัญชีหางว่าวอยู่ในแฟ้ม ป.ป.ช. แต่รัฐบาลและกระทรวงคมนาคม ก็ยังคงดึงดันแต่งตั้งคนที่เคยมีประวัติให้เข้ามาคุมองค์กร รฟม. ที่เกี่ยวพันกับงบประมาณการประมูลก่อสร้างรถไฟฟ้าที่มีมูลค่านับแสนหรือหลายแสนล้านบาท” แหล่งข่าวจากวงการรับเหมาตั้งข้อสังเกต

แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ยิ่งกับเหตุผลในการต่อสัญญาจ้างผู้ว่าการ รฟม. ของกระทรวงคมนาคม ที่ต้องการให้สานต่อการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม ก็ยิ่งทำเอาทุกฝ่ายได้แต่อึ้งกิมกี่ในความย้อนแย้ง เพราะการประมูลสัมปทานโครงการถไฟฟ้าสายสีส้ม ต้องล้มลุกคลุกคลานล่าช้าไปกว่า 3 ปี นับตั้งแต่มติ ครม. เมื่อ 28 ม.ค.62 ที่ไฟเขียวให้กระทรวงคมนาคม และ รฟม. ดำเนินโครงการนี้ แต่จนถึงวันนี้โครงการยังคงไม่ขยับไปจากจุดเริ่มต้นแม้แต่น้อย ต้องกลับมานับหนึ่งใหม่ ด้วยเหตุผลที่มาจากฝ่ายบริหาร รฟม. มีความพยายามแก้ไขเกณฑ์พิจารณาคัดเลือกก่อนหน้านี้ จนถูกบริษัทรับเหมาที่เข้าร่วมประมูลฟ้องร้องต่อศาลปกครอง จนทำให้ต้องล้มประมูลไปในที่สุด
ล่าสุด แหล่งข่าวเปิดเผยว่า รฟม. ได้มีการปรับเปลี่ยนคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกยกชุด หลังจากกรรมการชุดเดิมได้ลาออกไปทั้งหมด และได้เรียกประชุมคณะกรรมการเพื่อชี้แจงความคืบหน้าในการจัดทำร่าง TOR ประมูลใหม่ รวมทั้งชี้แจงให้ทราบถึงการลงนามในข้อตกลงคุณธรรม ดึงผู้สังเกตการณ์จากองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) หรือ ACT เข้ามาร่วมสังเกตุการณ์ถึง 6 คน เพื่อการันตีความโปร่งใสในการดำเนินโครงการ
อย่างไรก็ตาม แม้ รฟม. จะอ้างว่าการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มรอบใหม่ จะกลับไปใช้เกณฑ์ประมูลตามปกติ เป็น International Competition Bidding : ICB แต่มีรายงานว่า ยังคงมีรายการหมกเม็ดกำหนดเงื่อนไขผู้เข้าประมูลจะต้องมีตั้งเงื่อนไขด้าน Local Content มีผลงานก่อสร้างอุโมงค์ใต้ดินกับรัฐบาลไทยมาแสดง เพื่อตีกันรับเหมาต่างชาติ ทำให้มีกลุ่มรับเหมาในประเทศที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ในประเทศเหลืออยู่เพียง 2 กลุ่มเท่านั้น คือ CK และ ITD
โดยที่ รฟม. ไม่สามารถจะชี้แจงให้สังคมเกิดความกระจ่างได้ว่า ทำไมต้องกำหนดเงื่อนไขสุดพิสดารที่ว่านี้อีก ทั้งที่โครงการรถไฟฟ้า สายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายของ รฟม. ที่ต้องก่อสร้างอุโมงค์ลอดแม่น้ำเจ้าพระยาก่อนหน้านี้ ก็ไม่เคยมีข้อกำหนดเงื่อนไขพิลึกพิลั่นที่ว่านี้
สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงจะสะท้อนให้เห็นถึงจริยธรรมของนักการเมือง และผู้บริหารองค์กรรัฐวิสาหกิจที่ตกต่ำทำผู้คนเอือมระอา ที่เครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) กำลังเพรียกหาอยู่ ยังสะท้อนให้เห็นพฤติกรรมอันย้อนแย้งของรัฐบาลชุดนี้อีกด้วย!