แหล่งข่าวในวงการโทรคมนาคม เปิดเผยถึงกรณีที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ชุดปัจจุบันที่มี พล.อ.สุกิจ ขมะสุนทร เป็นประธานได้เรียกประชุมบอร์ด กสทช. ชุดรักษาการเมื่อวันที่ 28 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยประธาน กสทช. ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า ได้รับแจ้งอย่างไม่เป็นทางการให้คณะกรรมการ กสทช. ชุดนี้ทำงานตามปกติต่อไปก่อน เนื่องจากขณะนี้ยังไม่มีการโปรดเกล้าฯ กรรมการ กสทช. ชุดใหม่ลงมานั้นกรณีดังกล่าวสร้างความงุนงงให้กับผู้ปฏิบัติงานในสำนักงาน กสทช.เป็นอย่างมาก เพราะ กสทช.ชุดรักษาการนั้น มีการจัดประชุมบอร์ด กสทช.รักษาการ มา 2-3 ครั้งแล้วในรอบเดือนที่ผ่านมา โดยยืนยันว่า จะเป็นการประชุมนัดสุดท้าย แต่ทำไปทำมากลับได้รับแจ้งล่าสุดว่า รักษาการ กสทช.ชุดนี้จะยังคงทำหน้าที่ต่อไปอีกระยะ จึงเชื่อว่าน่าจะมีใบสั่งดึงเรื่องการแต่งตั้งบอร์ด กสทช.ชุดใหม่เอาไว้ โดยมีวาระซ่อนเร้นบางประการทั้งนี้ บอร์ด กสทช.ชุดนี้ ยังคงมีกำหนดจัดประชุมบอร์ดอีกครั้งในวันที่ 9 ก.พ.นี้ โดยมีวาระเร่งด่วนที่ สำนักงาน กสทช. จะเสนอให้บอร์ดพิจารณาแต่งตั้งที่ปรึกษาอิสระ เพื่อจัดทำรายงานผลกระทบการรวมธุรกิจระหว่าง บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) และ บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) ที่บริษัทได้ยื่นเรื่องขออนุมัติมายังสำนักงาน กสทช.ก่อนหน้านี้ จึงยิ่งทำให้หลายฝ่ายแสดงความกังขาว่า มีใบสั่งที่ต้องการให้บอร์ด กสทช.ชุดรักษาการเร่งปิดดีลควบรวมกิจการก่อนที่บอร์ด กสทช.ชุดใหม่จะเข้ามาหรือไม่ เพราะมีแนวโน้มว่าบอร์ด กสทช.ชุดใหม่จะะทบทวนกรณีดังกล่าวอย่างแน่นอนด้าน นายพิชัย นริพทะพันธ์ รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า จากข้อมูลเบื้องลึกที่ตนได้รับมา มีกระแสข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม พยายามรั้งไม่ให้มีการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งบอร์ด กสทช. ชุดใหม่ เพราะเกรงว่าสมาชิกบอร์ด กสทช. ชุดใหม่จะไม่เห็นด้วยกับการควบรวม True และ DTAC ตนมองว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ควรทำเรื่องนี้ และควรปล่อยให้ กสทช. เข้ามารับหน้าที่ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการทำงานอีกทั้งบอร์ด กสทช. ชุดเก่าก็ราวกับอยู่ใต้อิทธิพลของ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่แล้ว จึงขอเชิญชวนให้ประชาชนช่วยกันจับตาเรื่องนี้ต่อไป และขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ เร่งทูลเกล้าให้โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งบอร์ด กสทช. ชุดใหม่เข้ามาพิจารณากรณีนี้โดยเร็วนายพิชัย กล่าวด้วยว่า หาก กสทช. ปล่อยให้เกิดการควบรวมให้มีผู้บริษัทผู้ให้บริการเครือข่ายสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่น้อยราย จะนำไปสู่การเอาเปรียบประชาชนได้ อีกทั้งที่ผ่านมาในต่างประเทศก็ไม่เคยปรากฏการควบรวมบริษัท 2 แห่งให้เหลือเพียงแห่งเดียว เพราะอาจจะเกิดการผูกขาดกิจการได้ ตนมองว่า ท่าทีของ กสทช. ดูเหมือนจะตั้งใจให้เกิดการควบรวมได้ แต่ตนมองทางไหนก็ดูว่าจะเป็นปัญหา และขอต่อต้านการควบรวมนี้ เพราะจะเป็นความเสียหายต่อประชาชน เช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ที่มีการผูกขาดการค้าจากการควบรวมระหว่าง เทสโก โลตัส กับ แม็คโคร ซึ่งทำให้มีสัดส่วนการตลาดถึง 75.8% และส่งผลสินค้าในห้างทั้งสองราคาสูงขึ้น ทำให้มีอำนาจเหนือตลาดอย่างชัดเจนในกรณี True และ DTAC ควบรวมกัน จะทำให้มีสัดส่วนทางการตลาดถึง 52% และอ้างว่า แม้จะควบรวมกันแล้วกำไรยังไม่เท่ากับ AIS ก็ยิ่งสะท้อนให้เห็นเจตนาของการควบรวมเพื่อฮั้วกันให้สามารถโกยกำไรเพิ่มขึ้น ตนมองว่า การแข่งขันกันระหว่างผู้ให้บริการสำคัญมาก เพราะในอนาคตเทคโนโลยีการสื่อสารจะเปลี่ยนไปจากเดิมอีกมาก การควบคุมราคาแบบเก่าๆ จึงไม่ได้ผลอีกต่อไปแล้ว