
กรมวิชาการเกษตร เร่งเครื่องเต็มสูบ ขยายผลเทคโนโลยีชีวภัณฑ์และปุ๋ยชีวภาพสู่ภูมิภาค ดันนักวิจัยในพื้นที่เป็นพี่เลี้ยงขยายผลองค์ความรู้สู่กลุ่มเกษตรกรผลิตได้ ใช้เป็น วางเป้าโครงการปีครึ่งเกษตรกรกว่า 8 พันราย ใน 57 จังหวัดรับเทคโนโลยีผลิตใช้เองได้ พร้อมต่อยอดสร้างรายได้เป็นอาชีพเสริม ชูโครงการสอดรับนโยบายเพิ่มพื้นที่เกษตรอินทรีย์และเกษตรปลอดภัย

นายอนันต์ อักษรศรี รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร ในฐานะโฆษกกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า การขับเคลื่อนโครงการขยายผลงานวิจัยและเทคโนโลยีของกรมวิชาการเกษตรที่ประสบผลสำเร็จแล้วไปสู่เกษตรกรนำไปใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุดเป็นนโยบายหลักของนายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร ซึ่งได้มอบนโยบายให้สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรทั้ง 8 เขตหน่วยงานในส่วนภูมิภาคของกรมวิชาการเกษตรเร่งดำเนินการขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าว ซึ่งในปี 2564 นี้กรมวิชาการเกษตรได้จัดทำโครงการวิจัยต่อยอดและขยายผลเทคโนโลยีการใช้ชีวภัณฑ์และปุ๋ยชีวภาพเพื่อการผลิตพืชปลอดภัยและพืชอินทรีย์ ซึ่งจะเริ่มดำเนินโครงการในเดือนกรกฎาคม 2564 นี้ โดยมีเป้าหมายขยายผลเทคโนโลยีไปสู่กลุ่มเกษตรกรจำนวน 8,425 ราย ครอบคลุมพื้นที่จำนวน 57 จังหวัด


กรมวิชาการเกษตรมีผลงานวิจัยปุ๋ยชีวภาพหลายชนิดที่มีคุณสมบัติช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืช และเพิ่มธาตุอาหารที่สำคัญให้แก่ดินที่ใช้เพาะปลูกพืช ซึ่งช่วยลดและทดแทนการใช้ปุ๋ยเคมี และเพิ่มผลผลิตให้แก่เกษตรกรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่ ปุ๋ยชีวภาพไมคอร์ไรซ่า ปุ๋ยชีวภาพละลายฟอตเฟต และแหนแดง รวมทั้งยังมีผลงานวิจัยด้านชีวภัณฑ์ควบคุมศัตรูพืชและการผลิตแมลงศัตรูธรรมชาติเพื่อนำไปใช้ทดแทนสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช ได้แก่ แตนเบียนควบคุมแมลงศัตรูพืช แมลงหางหนีบ แมลงช้างปีกใส มวนพิฆาต ไวรัสเอ็นพีวี แบคทีเรียบีที ไส้เดือนฝอยกำจัดแมลงศัตรูพืช เชื้อราเขียวเมตาไรเซียม ไตรโคเดอร์มา เห็ดเรืองแสงสิรินรัศมี และแบคทีเรีย Bs-DOA24 แต่ที่ผ่านมาการนำผลงานวิจัยดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ยังไม่กว้างขวางเท่าที่ควร เนื่องจากสถานที่ผลิตอยู่ในหน่วยงานส่วนกลางห่างไกลจากเกษตรกร ซึ่งเป็นผู้ที่ใช้ประโยชน์จากงานวิจัยเหล่านี้


โฆษกกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า จากปัญหาดังกล่าวอธิบดีกรมวิชาการเกษตรจึงได้มีข้อสั่งการให้มีการขยายผลเทคโนโลยี จากสำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืชและกองวิจัยพัฒนาปัจจัยการผลิตทางการเกษตร ซึ่งเป็นหน่วยงานวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีไปสู่บุคลากรของกรมวิชาการเกษตรในส่วนภูมิภาคทั้ง 8 แห่ง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ซึ่งผ่านการอบรมแล้ว นำเทคโนโลยีไปขยายผลต่อให้กลุ่มเกษตรกรสามารถผลิตปุ๋ยชีวภาพและชีวภัณฑ์บางชนิดที่มีขั้นตอนไม่ยุ่งยากใช้เองได้ โดยภายหลังจากการขยายผลให้แก่กลุ่มเกษตรกร แล้วเจ้าหน้าที่จะเข้าไปตรวจติดตามให้คำแนะนำตลอดขั้นตอนการผลิตจนมั่นใจว่า กลุ่มเกษตรกรสามารถผลิตได้เองอย่างมีคุณภาพ ซึ่งโครงการดังกล่าว จะทำให้เกษตรกรมีปุ๋ยชีวภาพและชีวภัณฑ์กำจัดศัตรูพืชไว้ใช้ได้อย่างต่อเนื่องตลอดฤดูกาลผลิต ช่วยลดต้นทุนการผลิต และบางรายยังสามารถต่อยอดผลิตเป็นอาชีพเสริมสร้างรายได้เพิ่มขึ้นได้ด้วย ทำให้เกษตรกรสามารถผลิตพืชที่มีคุณภาพ ปลอดภัย ไม่มีสารพิษ ได้รับการรับรองตามมาตรฐาน GAP และเกษตรอินทรีย์เพิ่มขึ้น สอดรับนโยบายลด ละ เลิกการใช้สารเคมีทางการเกษตรของรัฐบาลและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

“โครงการวิจัยขยายผลเทคโนโลยีการใช้ชีวภัณฑ์และปุ๋ยชีวภาพ เพื่อการผลิตพืชปลอดภัยและอินทรีย์จะเริ่มดำเนินการในเดือนกรกฎาคม 2564 - ธันวาคม 2565 คาดว่า หลังสิ้นสุดโครงการจะมีกลุ่มเกษตรกรผู้ผลิตพืชผักและผลไม้ จำนวน 8,425 ราย ที่กระจายอยู่ในพื้นที่ 57 จังหวัด สามารถผลิตชีวภัณฑ์ควบคุมศัตรูพืชและปุ๋ยชีวภาพไว้ใช้เองได้ และผลิตขายเป็นอาชีพเสริม รวมทั้งยังมีศูนย์เครือข่ายในส่วนภูมิภาคของกรมวิชาการเกษตรจำนวน 57 ศูนย์ เป็นแหล่งถ่ายทอดความรู้การผลิตและกระจายชีวภัณฑ์ควบคุมศัตรูพืชไปสู่กลุ่มเกษตรกรในพื้นที่ที่ต้องการผลิตพืชปลอดภัยและพืชอินทรีย์” โฆษกกรมวิชาการเกษตร กล่าว

