
พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (กสทช.) ได้บรรยายในหัวข้อ ‘ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีกับอาชญากรรมยุคใหม่’ โดยร่วมมือระหว่าง กสทช. และ ตำรวจ ให้กับผู้นำหน่วยระดับผู้บัญชาการหรือเทียบเท่า และระดับผู้บังคับการหรือเทียบเท่า ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 โดยมีนายพลตำรวจระดับหัวหน้าหน่วยงานจากทั่วประเทศเข้าร่วมฟัง จำนวน 338 นาย ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อาคารศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรและสวัสดิการ

พล.ต.อ.ณัฐธร กล่าวว่า ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีโทรคมนาคมทำให้วิถีชีวิตของคนเราเปลี่ยนมาอยู่บนออนไลน์มากขึ้นทุกขณะ อย่างไม่มีวันจะย้อนกลับ อาชญากรรมยุคใหม่ก็ปรับเปลี่ยนรูปแบบตาม และเป็นอาชญากรรมไร้พรมแดน ยากที่หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งจะแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยลำพัง ความร่วมมือจึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ในช่วง 2 - 3 ปีที่ผ่านมา สถานการณ์อาชญากรรมออนไลน์มีความรุนแรงสูง ตำรวจ และ สำนักงาน กสทช. ได้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเป็นหนึ่งเดียวทั้งในเรื่องการป้องกันปราบปราม การแก้ไขกฎหมาย และการออกมาตราการต่าง ๆ เพื่อระงับยับยั้งอาชญากรรมประเภทนี้

“วันนี้เป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันถึงความก้าวทางเทคโนโลยีโทรคมนาคมกับอาชญากรรมยุคใหม่ รวมทั้งความร่วมมือระหว่าง กสทช. และ ตำรวจ ในการป้องกันปราบปราม ว่าสิ่งใดที่เราทำไปแล้ว และอะไรที่จะทำร่วมกันต่อไปในอนาคต ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้บริหารองค์กร โดยเฉพาะหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย เพราะเมื่อเทคโนโลยีเข้ามาเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตของผู้คนในสังคม อาชญากรรมรูปแบบใหม่ ๆ ก็ตามมา เช่น แก๊งคอลเซ็นเตอร์, สแกมเมอร์, การหลอกลวงที่เปลี่ยนแปลงรูปแบบและวิธีการใหม่ ๆ ตลอดเวลาอันเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมไทยในปัจจุบัน การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมยุคใหม่นี้ จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากหลากหลายหน่วยงาน ดังเช่นในช่วงที่ผ่านมา อาชญากรรมประเภทนี้รุนแรง สำนักงาน กสทช. จึงได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตั้งแต่การกวดขันจับกุมสถานีโทรคมนาคมและเสาสัญญาณที่ผิดกฎหมาย การลักลอบลากสายส่งสัญญาณโทรคมนาคมข้ามพรมแดน การกวาดล้างซิมเถื่อน ควบคู่กับการประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ให้สังคม ทั้งนี้การได้รับเชิญมาบรรยายในวันนี้ ถือเป็นโอกาสดีที่ได้มาพบปะ ผู้บริหารหน่วยงานระดับผู้บัญชาการและผู้บังคับการจากทั่วประเทศ ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตั้งแต่ภาพรวมของประเทศไปจนถึงระดับพื้นที่ในแต่ละจังหวัด ซึ่งอยู่ในกำกับของผู้บังคับการและผู้บัญชาการ ที่มาร่วมสัมมนานี้ เพื่อรับรู้ทำความเข้าใจ ถึงสิ่งที่ได้ดำเนินการไปแล้ว และที่จะทำร่วมกันต่อไปในอนาคต เพื่อให้การป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี มีประสิทธิภาพสูงสุด”
