
นับตั้งแต่ JustPow แพลตฟอร์มองค์กรที่ทำงานด้านข้อมูล องค์ความรู้ การสื่อสารในด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมร่วมกับเครือข่ายจากภาคส่วนต่างๆ รวม 13 องค์กร ร่วมกันจัดเวทีสาธารณะเพื่อระดมความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อร่างแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า หรือ PDP2024 ทั้ง 5 ภูมิภาค
รวมไปถึงการจัดเวทีสาธารณะ “เสียงจากประชาชน 5 ภูมิภาคต่อร่างแผน PDP2024” เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2567 ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เพื่อนำเสนอความคิดเห็นและเปิดผลโหวตของประชาชนทั่วประเทศที่มีต่อร่างแผน PDP2024 เสนอต่อกระทรวงพลังงาน

หลังจากก่อนหน้านั้น สำนักนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน ได้จัดทำร่างแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า พ.ศ. 2567-2580 (PDP2024) และเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนผ่านระบบออนไลน์และเว็ปไซต์ของสนพ.ระหว่างวันที่ 19-23 มิถุนายน 2567
แต่กว่าขวบปีที่ร่างแผน PDP2024 ไม่ถูกประกาศใช้ โดยที่กระทรวงพลังงานที่มีหน้าที่โดยตรงไม่เคยให้ข้อมูลความคืบหน้า และความกระจ่างต่อประชาชนถึงความคืบหน้าการจัดทำแผน PDP เลยว่า อยู่ในกระบวนการหรือขั้นตอนใดแล้ว เหตุใดจึงไม่ประกาศใช้เสียที ทำให้ประเทศต้องอยู่ในภาวะเกิด "สุญญากาศ" ด้านแผนพลังงานมามากว่า 5 ปีนับตั้งแต่แผน PDP2018 Rev1 ประกาศใช้ในปี 2563
ทำให้ทิศทางพลังงานไทยไร้แผนรองรับ เกิดการลงทุนด้านไฟฟ้าอย่างสะเปะสะปะ วันดีคืนดีหน่วยงานรัฐวิสาหกิจอย่างการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ (กฟผ.) ก็ลุกขึ้นมาลุยไฟเปิดประมูลก่อสร้างโซลาร์เซลล์ แบบทุ่นลอยน้ำบนเขื่อนต่างๆ ของ กฟผ. อย่างล่าสุดที่เพิ่งประกาศไป ก็คือ โครงการโซลาร์เซลล์ แบบทุ่นลอยน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ 3 (SNR-PV3) จังหวัดกาญจนบุรี ขนาดกำลังผลิต 280 เมกะวัตต์ (MWac) ที่อ้างเป็นส่วนหนึ่งของแผน PDP2018 Rev1 และกำลังเปิดขายซองประกวดราคาแก่ผู้สนใจ ถึง 26 กันยายนศกนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะลุยไฟโซลาร์เซลล์แบบทุ่นลอยน้ำต่อเนื่องรวมกว่า 2,725 MWac

ขณะที่สำนักงาน กกพ. ก็ยังคงมีแผนตั้งโต๊ะรับซื้อไฟเก็บตกจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดทั้งเฟส 1 และเฟส 2 รวมกว่า 5,000 MW ท่ามกลางกระแสคัดค้านจากเครือข่ายพลังงานและสภาองค์กรของผู้บริโภคที่อ้างว่า ประเทศมีสำรองไฟส่วนเกินทะลักล้นอยู่แล้วจะไปลงทุนซื้อมาทำไมอีก ทำให้ประชาชนต้องแบกรับค่าไฟส่วนเกินในระยะยาวไปถึง 25 ปีไปนับแสนล้าน
ตรงข้ามกับที่นักวิชาการอย่างสถาบันวิจัย TDRI ที่ออกมาสนับสนุนเร่งให้พลังงานต้องพัฒนาไฟฟ้าพลังงานสะอาด เพื่อดึงดูดการลงทุน FDI ที่ประเทศไทยตามหลังคู่แข่งอื่นๆในภูมิภาคไปหมดแล้วส่งผลให้ไทยสูญเสียโอกาสดึงดูดอุตสาหกรรมแห่งอนาคตและลดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว
โดยเฉพาะการแข่งขันด้านพลังงานสะอาดที่จำเป็นต่อมาตรการสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศ การเปลี่ยนผ่านพลังงานสู่คาร์บอนต่ำที่ยังไม่มีแผนรองรับชัดเจน เนื่องจากแผนพลังงานฉบับเก่าไม่สอดคล้องกับบริบทพลังงาน เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

ความล่าช้านี้ส่งผลให้การวางแผนการลงทุนด้านพลังงานชาติขาดความชัดเจน ล่าสุดร่างแผน PDP2024/2025 ยังจ่อเผชิญความไม่แน่นอนหนักขึ้นไปอีก เมื่อมีข่าวว่า นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ อดีตปลัดกระทรวงพลังงาน ประธานคณะกรรมการจัดทำแผนชุดใหม่ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งจากกระทรวงพลังงานเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 68 ได้ยื่นหนังสือลาออกจากประธานจัดทำร่างแผนพลังงานที่ว่านี้ เพื่อเปิดทางให้รัฐบาลใหม่แต่งตั้งบุคคลที่เหมาะสมเข้ามาทำหน้าที่แทน ทำให้คาดว่า จะมีคณะกรรมการรายอื่นทยอยลาออกตามมาอีกหลายราย ส่งผลให้การจัดทำแผนพลังงาน PDP ของประเทศต้องเผชิญกับภาวะสุญญากาศอีกครั้ง