น้ำท่วมหนัก!.. “ภาคกลาง-หาดใหญ่”.. รัฐบริหารจัดการขาดประสิทธิภาพ

ชี้ล้มโครงการ 3.5 แสนล้าน-โทษใครดี?
…

ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกรัฐมนตรี โพสต์ไว้ตั้งแต่วันที่ 12 พ.ย.68 ว่า สงสารชาวภาคกลาง (อยุธยา-อ่างทอง) จมน้ำนานถึง 4 เดือน ทั้งๆ ที่ปริมาณน้ำปีนี้น้อยกว่าปี 54 ถึง 20% ด้วยเหตุผลสำคัญ คือ รัฐบาลประมาทเรื่องน้ำและขาดเอกภาพในการบริหารจัดการน้ำ แทนที่จะเป็นกระทรวงเกษตรฯ หรือกระทรวงทรัพยากรฯ ดูแลเรื่องน้ำ แต่กลับมอบให้ รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับผิดชอบสั่งการ ซึ่งคนเขาวิจารณ์ว่าเอาแต่พวก

ไหนจะผู้ว่าราชการจังหวัด และอธิบดีกรมที่เกี่ยวกับน้ำ เพิ่งมีการโยกย้ายจากการล้างแค้นทางการเมือง ทำให้การบริหารจัดการเรื่องน้ำขาดประสิทธิภาพ

เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.68 ดร.ปลอดประสพ บอกว่าเคยทำงานในช่วงมหาอุทกภัยน้ำท่วมใหญ่ในปี 54 น้ำท่วมนาน 3 เดือน บนพื้นที่ 10 จังหวัดของลุ่มน้ำเจ้าพระยา แม้แต่กรุงเทพฯ ก็ไม่เว้น กระทบผู้คนถึง 15 ล้านคน

มาปีนี้ เกิดน้ำท่วมใหญ่จนถือเป็นประวัติการณ์ 300 ปี ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และบางพื้นที่ของปัตตานี ยะลา และนราธิวาส จะว่ากันไปแล้วพื้นที่และจำนวนประชาชนไม่ได้มากมายอะไร และน้ำท่วมเพียง 7 วัน เท่านั้น จึงไม่น่าเกินความสามารถของรัฐบาล เมื่อเทียบกับครั้งก่อนๆ แต่แปลกมาก ทุกอย่างดูขัดข้องหรือผิดพลาดไปหมด เริ่มแต่

1. การพยากรณ์การท่วมของน้ำไม่ตรงกับความเป็นจริง

2. การเตือนภัยไม่แม่นยำและไม่ทันการณ์

3. การสื่อสารกับประชาชนผิดเพราะคนไม่เชื่อ

4. การอพยพผิดเพราะไม่มีการเตรียมการรองรับ

5. การปล่อยให้โจรผู้ร้ายมาปล้นทรัพย์สิน เพราะไม่รู้ตำรวจไปอยู่ที่ไหน ไม่มีเรือและรถอพยพคน ประชาชนเดือดร้อนมากเพราะไม่มีไฟฟ้า ไม่มีน้ำประปา ไม่ป้องกันโรงพยาบาล ทำให้ไม่สามารถช่วยคนเจ็บได้อย่างเพียงพอและทั่วถึง

แย่ที่สุดก็ คือ ยังสรุปจำนวนคนตายหรือสูญหายไม่ได้ แม้จะผ่านมา 1 สัปดาห์แล้ว ตอนนี้ยังเถียงกันอยู่ว่า ตายเป็นร้อย หรือเป็นพันกันแน่ ทำให้ผู้คนติติงว่ารัฐบาลมือใหม่ ทำงานไม่เป็น

“เสือออนไลน์” จำได้ว่า “น้ำท่วม” ปี 54 ยุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เนื่องจากมีไต้ฝุ่นเข้าประเทศไทย 5 ลูก (มิ.ย. - ต.ค. 54) คือ มีไต้ฝุ่นเข้ามาก่อน น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเข้ามาเป็นนายกฯ สร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจกว่า 1 แสนล้านบาท ส่วนน้ำท่วม อ.หาดใหญ่ ปี 68 แค่ไม่กี่วัน ทางหอการค้า จ.สงขลา แจ้งว่าเสียหายต่อเศรษฐกิจโดยรวมประมาณ 2 หมื่นล้านบาท

หลังจากน้ำท่วมใหญ่ ปี 54 รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ คิดทำโครงการบริหารจัดการน้ำ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ มูลค่า 3.5 แสนล้านบาท โดยเชิญนักวิชาการสถาบันต่างๆ ข้าราชการประจำ รวมทั้งบริษัทชั้นนำจากต่างประเทศ และฝ่ายการเมือง มาระดมสมองออกมาเป็นโครงการบริหารจัดการน้ำ 10 โมดูล

โดยมี 6 กลุ่มบริษัท (จากทั้งหมด 8 กลุ่มบริษัท) ผ่านการคัดเลือกให้ยื่นเสนอกรอบแนวคิด เพื่อออกแบบก่อสร้างระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน และระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศไทย

สำหรับ 10 โมดูลที่ว่านั้น ประกอบด้วย

1. สร้างอ่างเก็บน้ำอย่างเหมาะสมและยั่งยืน ในพื้นที่ลุ่มน้ำปิง ยม น่าน สะแกกรัง และป่าสัก งบประมาณ 50,000 ล้านบาท

2. จัดทำผังการใช้ที่ดิน การใช้ประโยชน์ที่ดินบนพื้นที่ลุ่มน้ำ รวมทั้งการจัดทำพื้นที่ปิดล้อมพื้นที่ชุมชนและเศรษฐกิจหลัก ในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา งบประมาณ 50,000 ล้านบาท

3. ปรับปรุงพื้นที่เกษตรชลประทานในพื้นที่โครงการชลประทานเหนือ จ.นครสวรรค์ และเหนือ จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อเก็บกักน้ำหลากชั่วคราว งบประมาณ 60,000 ล้านบาท

4. ปรับปรุงสภาพลำน้ำสายหลัก และคันริมแม่น้ำของแม่น้ำสายหลัก คือ ปิง วัง ยม น่าน เจ้าพระยา สะแกกรัง ป่าสัก ท่าจีน ฯลฯ งบประมาณ 7,000 ล้านบาท

5. ทำทางน้ำหลาก (Floodway) ทางผันน้ำ (Flood diversion channel) ขนาดไม่น้อยกว่า 1,500 ลบ.ม./วินาที รวมทั้งทำทางหลวงระดับประเทศไปพร้อมกัน งบประมาณ 120,000 ล้านบาท

6. ปรับปรุงระบบคลังข้อมูล ระบบพยากรณ์และเตือนภัยรวมทั้งการบริหารจัดการน้ำกรณีต่าง ๆ ในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา งบประมาณ 3,000 ล้านบาท

7. สร้างอ่างเก็บน้ำอย่างเหมาะสมและยั่งยืนในพื้นที่ลุ่มน้ำ 17 ลุ่มน้ำทั่วประเทศ งบประมาณ 12,000 ล้านบาท

8. จัดทำผังการใช้ที่ดิน การใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่ลุ่มน้ำ รวมทั้งทำพื้นที่ปิดล้อมพื้นที่ชุมชนและเศรษฐกิจหลัก ในพื้นที่ลุ่มน้ำ 17 ลุ่มน้ำทั่วประเทศ งบประมาณ 10,000 ล้านบาท

9. ปรับปรุงสภาพลำน้ำสายหลัก และคันริมแม่น้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำ 17 ลุ่มน้ำ งบประมาณ 10,000 ล้านบาท

10. ปรับปรุงระบบคลังข้อมูล ระบบพยากรณ์และเตือนภัยรวมทั้งการบริหารจัดการน้ำกรณีต่าง ๆ พื้นที่ 17 ลุ่มน้ำทั่วประเทศ งบประมาณ 2,000 ล้านบาท

แต่สุดท้ายยังไม่ทันทำ! ก็รีบออกมาขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ล้มการเลือกตั้งในปี 57 แล้วไปลากทหารมาทำรัฐประหาร บริหารประเทศมา 8-9 ปี หมดงบประมาณไปกับการแก้ปัญหาน้ำท่วม-ภัยแล้ง ไปหลายแสนล้านบาท ไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันขึ้นมาเลย

ทั้งหลาย ทั้งปวงที่กล่าวมาในข้างต้น สมควรที่จะโทษใครดี?

เสือออนไลน์