
ปล่อยคลิป-ใครจะคบกัมพูชา?
…
ทหารไทย-กัมพูชา ทำสงครามสู้รบกันครั้งหลังสุดจากปัญหาข้อพิพาทเรื่องดินแดน เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 54 ในพื้นที่ชายแดนใกล้ปราสาทพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ และปราสาทตาควาย ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ยืดเยื้อจนถึงวันที่ 1 พ.ค. 54 ทำให้มีผู้เสียชีวิต-บาดเจ็บทั้งสองฝ่ายจำนวนมาก
รวมทั้งทรัพย์สินที่เป็นบ้านเรือน สถานที่ราชการ อาวุธยุทโธปกรณ์ พังเสียหายจำนวนมากเช่นกัน
หลังจากว่างเว้นการสู้รบกันมา 18 ปี จนกระทั่งเช้ามืดวันที่ 28 พ.ค. 68 หน่วยทหารขนาดเล็กของไทย (ระดับหมู่-หมวด) เกิดการยิงปะทะกับทหารกัมพูชา ขณะลาดตระเวนตรวจสอบภูมิประเทศบริเวณช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ประมาณ 10 นาที ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 1 ศพ
ต่อมาวันที่ 5 มิ.ย. 68 รัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ออกแถลงการณ์ไม่รับอำนาจศาลโลก (ไม่ยอมรับมาตั้งแต่ปี 2503) ขอยึดแนวทางสันติวิธี ใช้กลไกทวิภาคีแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา
วันที่ 7 มิ.ย. 68 กองทัพบกมอบอำนาจให้ ผบ.กองกำลังบูรพา และ ผบ.กองกำลังสุรนารี ควบคุมจุดผ่านแดนแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ตามมติ สมช. อย่างเข้มงวดเป็นเวลา โดยเฉพาะคนไทยที่จะข้ามไปเล่นการพนัน และทำงานให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์

วันที่ 8 มิ.ย. 68 ฝ่ายกัมพูชายอมถอนกำลังกลับไปยังจุดที่เคยประจำการอยู่เดิม (พื้นที่อ้างสิทธิ์) บริเวณช่องบก-สามเหลี่ยมมรกต ซึ่งอยู่ห่างจากบริเวณที่เกิดเหตุปะทะเมื่อวันที่ 28 พ.ค.68
ต่อมาวันที่ 11 มิ.ย. 68 นายกรัฐมนตรีเดินทางลงพื้นที่จุดผ่านแดนถาวรช่องจอม อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ เพื่อพบปะประชาชนตามแนวชายแดน และรับฟังผลการปฏิบัติงานของกองกำลังสุรนารี รวมทั้งให้กำลังใจกำลังพล

วันที่ 14 มิ.ย. 68 มีการประชุม JBC ระหว่างไทย-กัมพูชา ที่กรุงพนมเปญ โดยฝ่ายกัมพูชายืนกรานขอให้ไทยเปิดด่าน และจะนำปัญหาข้อพิพาทตามแนวชายแดนใน จ.อุบลราชธานี-สุรินทร์ ไปขึ้นศาลโลก

วันที่ 16 มิ.ย. 68 นายกรัฐมนตรีประชุม สมช. แล้วแถลงร่วมกับ ผบ.เหล่าทัพ ยืนยัน “เราไม่เคยตีกัน” หลังจากมีข่าวลือว่ารัฐบาลและกองทัพมองปัญหาไปคนละทาง นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังแถลงการณ์ผิดหวังท่าทีของกัมพูชา ไม่ยอมร่วมมือกับไทยในการแก้ไขปัญหาความตึงเครียดระหว่างกัน และตั้ง “ทีมไทยแลนด์” ขึ้นมาติดตามสถานการณ์และสื่อสารกับประชาชน

วันที่ 18 มิ.ย. 68 คลิปหลุด ซึ่งเป็นเสียงการสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร กับ “ฮุน เซน”
แน่นอนว่า นายกฯ แพทองธาร มีความผิดพลาด ไม่รอบคอบรัดกุมในบางประโยคระหว่างการพูดคุยกับ “ฮุน เซน” ถือเป็นบทเรียนราคาแพงครั้งใหญ่ในฐานะผู้นำประเทศ
แต่การเจรจาในคลิปดังกล่าว ไม่ได้มีผลทางกฎหมายใดๆ ทั้งสิ้น และประเด็นการเจรจาเน้นไปที่ความสงบสุข และในฐานะผู้นำคนรุ่นใหม่ก็ไม่ต้องการสงคราม
“เสือออนไลน์” ฟังคลิปเสียงที่ถูกปล่อยออกมา เป็นแค่เครื่องมือในการทำสงครามจิตวิทยา เนื่องจากฮุน เซน ต้องการให้สู้รบกัน แต่เมื่อไม่รบกันเสียที ฮุน เซน ก็ไม่รู้จะเดินเกมไปทางไหน เพราะไทยไม่ไปศาลโลก
ปัจจุบันประเทศไทยยังไม่ได้เสียอะไรจากกรณีนายกฯ แพทองธาร โทรฯ คุยกับ “ฮุน เซน” สถานการณ์ชายแดนยังไม่มีการสู้รบ ยังไม่มีคนบาดเจ็บ-เสียชีวิต ประชาชนตามแนวชายแดน 2 ประเทศ ยังไม่ต้องอพยพออกจากบ้าน ยังไม่มีการประกาศกฎอัยการศึก
ในขณะที่กัมพูชา ตอนนี้กำลังน่วมหลายเรื่อง ทั้งถูกเพ่งเล็งในเรื่องของแหล่ง “ฟอกเงิน” ระดับโลก ขณะที่สหรัฐอเมริกาก็เข้มงวดกับคนกัมพูชาที่จะเข้าประเทศ แถมเจอไทยควบคุมคนเข้า-ออก ตามด่านชายแดนที่มีบ่อน-คอลเซ็นเตอร์-สถานบันเทิง
“ฮุน เซ็น” จึงพล่านหนัก ยอมเสียมารยาททางการทูตอย่างร้ายแรง คุยกับผู้นำประเทศเพื่อนบ้านแท้ๆ และครอบครัวก็สนิทสนมกันมายาวนาน ยังกล้าเอาคลิปเสียงออกมาปล่อย แล้วต่อไปนี้สังคมโลกจะคบค้าสมาคม จะกล้าหารือกับผู้นำกัมพูชาหรือ?
เสือออนไลน์