
กระแสต้านควบรวม “ทรู-ดีแทค” จ่อระอุแดด ล่าสุดสำนักงานกฎหมาย นำร่องสั่ง พนง.ย้ายค่ายสั่งสอนยกบริษัท ขณะเลขาองค์กรต้านโกงแนะ กสทช. ที่มีส่วนอุ้มทุนสื่อสารลาออกแสดงความรับผิดชอบ ล่าสุด ดีลเลอร์เติมเงิน “ทรูมูฟ เอช” โอดโดนตัดค่าคอมเติมเงินมือถือเซ่นควบรวมแล้ว
หลังจาก “คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ” หรือ กสทช. ไฟเขียวดีลควบรวมธุรกิจระหว่าง “ทรูและดีแทค” ไปล่าสุดเมื่อวันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมา ท่ามกลางกระแสคัดค้านและวิพากษ์ในวงกว้างถึงผลกระทบที่จะมีตามมา จนถึงขั้นที่ กสทช.เสียงข้างน้อยขอสงวนสิทธิ์ในการลงมติและไม่ขอรับทราบผลการลงมติในครั้งนี้ ด้วยเห็นว่ายังมีปัญหาข้อกฎหมาย และเป็นการดำเนินการที่ขัดเจตนารมณ์ของกฎหมายจัดตั้ง กสทช. และขัดบทบัญญัติรัฐธรรมนูญฯหลายมาตรานั้น
แหล่งข่าวในวงการโทรคมนาคม เปิดเผยว่า มติ กสทช. ในครั้งนี้ เชื่อแน่ว่าจะสร้างปัญหาให้แก่ กสทช. ที่มีส่วนร่วมลงมติตามมาอย่างแน่นอน เพราะเป็น “มติเสียงข้างน้อย” ไม่ใช่เสียงข้างมากอย่างที่เข้าใจกัน เนื่องจาก กสทช. เสียงข้างมาก 3 ราย ที่ร่วมประชุมต่างเห็นว่า การขอควบรวมธุรกิจของทรูและดีแทคนั้น ถือเป็นการถือครองธุรกิจในบริการประเภทเดียวกันที่เข้าข่ายหลักเกณฑ์ตามข้อ 8 ของประกาศ กทช. ปี 2549 เรื่องมาตรการเพื่อป้องกันมิให้มีการกระทำอันเป็นการผูกขาดหรือก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมในการแข่งขันในกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2549 ที่กสทช.อาจสั่งห้ามการถือครองหรือกำหนดมาตรการเฉพาะ ขณะที่ พล.อ.ท.ธนพันธ์ หร่ายเจริญ กสทช.อีกราย ของดออกเสียง เนื่องจากเห็นว่ายังมีปัญหาข้อกฎหมาย
จึงมีเพียง ศ.คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช. และ นายต่อพงศ์ เสลานนท์ ที่เห็นว่ากรณีนี้ไม่ถือเป็นการถือครองธุรกิจในบริการประเภทเดียวกัน ซึ่งเมื่อเสียงที่ออกมามีเพียง 2 เสียงไม่ถึงกึ่งหนึ่ง จึงต้องถือว่าวาระการลงมติเกี่ยวกับประเด็นการถือครองธุรกิจนี้ต้อง “ตกไป” ตั้งแต่ต้น ไม่สามารถที่จะเดินหน้าพิจารณาดีลควบรวมธุรกิจต่อไปได้ แต่กระนั้น ประธาน กสทช. กลับใช้สิทธิ์ออกเสียงให้กับตนเอง เพื่อเดินหน้าอนุมัติดีลควบรวมฯ ดังกล่าวจนก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้างอยู่ในขณะนี้
ปลุกกระแสต้าน-ย้ายค่ายสั่งสอน
เฟซบุ๊ก บริษัท แอ็คเค้าน์ แชนเนล จำกัด (มหาชน) สำนักงานบัญชีและสำนักงานตรวจสอบบัญชีเลื่องชื่อ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า นายรัฐนันท์ ลีเศรษฐเลิศ ประธานกิตติมศักดิ์และที่ปรึกษา (Honourary President & Consultant) บริษัท แอ็คเค้าน์ แชนเนล จำกัด (มหาชน) และในเครือ มีคำสั่งเร่งด่วนให้ย้ายเครือข่ายมือถือจากค่ายแดง และค่ายฟ้า ไปค่ายเขียวแทนทั้งหมด

โดย น.ส.จามจุรา สีหาบุญทอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายดิจิทัล (CDO) กล่าวว่า ปกติทางบริษัทใช้เครือข่ายมือถือที่หลากหลาย เพื่อให้สอดคล้องต่อการทำงานด้านการสื่อสารและงานบริการ แต่ในครั้งนี้ประธานกิตติมศักดิ์ไม่เห็นด้วยที่มีการลงมติเห็นชอบการควบรวมกิจการประเภทเดียวกัน เพราะมองว่า การควบรวมกิจการในครั้งนี้อาจสร้างภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นต่อผู้บริโภคจากค่าบริการสัญญาณมือถือ และอินเตอร์เน็ต ทั้งทางตรงและทางอ้อม ทั้งนี้ ท่านประธานกิตติมศักดิ์ฯ อยากฝากถึงหน่วยงาน เป็นไปได้ไหมควรพิจารณาการอนุมัติการควบรวมกิจการในครั้งนี้ใหม่ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน

ขณะที่ นายมานะ นิมิตมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) ได้แสดงความเห็นต่อมติ กสทช. ในการอนุมัติดีลควบรวมธุรกิจในครั้งนี้ว่า ขอตำหนิ กสทช. เสียงข้างมาก โดยเฉพาะผู้ที่มาจากตัวแทนผู้บริโภคและตัวแทนของผู้ส่งเสริมสิทธิและเสรีภาพของประชาชน เพราะท่านทำให้ผู้บริโภคเสี่ยงต่อการถูกกลุ่มทุนผูกขาด เอาเปรียบ และประชาชนถูกริดรอนสิทธิและเสรีภาพจากการมีทางเลือกที่ลดลง “เช่นเดียวกัน ผมขอตำหนิ กสทช. ท่านที่ไม่กล้าแม้แต่จะออกเสียงลงมติตามหน้าที่ ทั้งที่มีเวลาให้ศึกษาประเด็นทั้งหลายมานานพอ ผมอยากเห็นทั้งสามท่านนี้ลาออกจากตำแหน่ง แม้คิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ก็ตาม”
ดีเลอร์เติมเงิน “ทรูมูฟเอช” โอดถูกบีบปรับลดค่าคอมแล้ว
ล่าสุด แหล่งข่าวในวงการโทรคมนาคม เผยว่า บริษัท wePay ตัวแทนเติมเงินโทรศัพท์มือถือได้ออกมาโพสต์แจ้งไปยังดีลเลอร์บัตรเติมเงินและร้านค้าว่า “ทาง wePAY ต้องขออภัยลูกค้าทุกท่านแต่เนื่องจากทางเครือข่ายทรูมูฟเอชมีการปรับเปลี่ยนโปรโมชั่นใหม่ โดยไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า ตั้งแต่วันที่ 20 ต.ค. 2565 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ทาง wePAY มีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนเงินคืนตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2565" พร้อมได้แจ้งอัตราเงินคืนใหม่ โดยระบุว่า บริการเติมเงินมือถือ ทรูมูฟเอช จะมีการปรับลดอัตราเงินคืนจากเดิม 3.5% เป็น 3% สำหรับสมาชิกโดยทั่วไป และ 3.25% สำหรับสมาชิกประเภทร้านค้า เนื่องจากทางเครือข่ายผู้ให้บริการมีการปรับเปลี่ยนโปรโมชั่นตั้งแต่วันที่ 20ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลต่อต้นทุนการบริการเพิ่มสูงขึ้น โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 เป็นต้นไป

โดยมีผู้เข้ามาคอมเม้นท์วิจารณ์อย่างหนัก เช่น ก็ค่อยๆ หาเหตุผลทีละนิดทีละหน่อย เล็กๆ น้อยๆ เหมือนไม่ค่อยรู้สึกว่ากระทบอะไร แต่นานวันก็รู้สึกว่าโดนไปเยอะแล้ว .... นี่แหละความผิดของ กสทช. 3 เสียงที่สมควรประณาม... ผลกระทบของการควบรวมกิจการ สำแดงฤทธิ์แล้วสินะ
นอกจากนี้ บนทวิตเตอร์ยังโพสต์กันเดือดถึงเรื่องนี้การปรับลดอัตราเงินคืนข้างต้นนั้น ถือเป็นก้าวแรกที่ชี้ให้เห็นว่า หลังการควบรวมธุรกิจยังจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงตามมา เพราะก่อนหน้านี้มีข่าวว่า หลังการควบรวมกิจการ ทางทรูและดีแทคจะมีการปรับโครงสร้างบริษัท โดยจะมีการรวมทีมงานและเกลี่ยพนักงานของทั้งสองบริษัทเพื่อปรับลดจำนวนพนักงานที่ทำงานซ้ำซ้อนกัน รวมทั้งน่าจะมีการปรับลดจำนวนสาขาที่ให้บริการเพื่อให้เกิดความเหมาะสมอีกด้วย