
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หอการค้าฯ จะนำคณะภาคเอกชนเยือนประเทศซาอุดีอาระเบีย พร้อมกับคณะภาครัฐ ในระหว่างวันที่ 15-18 พฤษภาคม 2565 โดยมี นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้นำคณะ ทั้งนี้ มีกำหนดการเยือนกรุงริยาด เมืองอัลอูร่าห์ และเมืองเจดดาห์ ซึ่งเป็นการเดินทางอย่างเป็นทางการของรัฐและเอกชนครั้งแรกในรอบ 32 ปี โดยจะมีการติดตามความคืบหน้าและผลักดันความร่วมมือทวิภาคีระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบียในทุกมิติ และการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศให้เป็นปกติอย่างสมบูรณ์ ภายหลังการเยือนซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีตามคำเชิญของมกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบีย เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา
ภาคเอกชนที่เข้าร่วมคณะฯ ในครั้งนี้ ประกอบด้วย ผู้บริหารระดับสูงของภาคเอกชนในสาขาธุรกิจที่มีศักยภาพกว่า 38 บริษัท อาทิ สินค้าอุปโภคบริโภค ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ประกอบโครงสร้างพื้นฐาน เกษตรและอาหาร พลังงานและเคมีภัณฑ์ อสังหาริมทรัพย์ วัสดุก่อสร้าง ยานยนต์ การบิน เทคโนโลยีและดิจิทัล อัญมณีและเครื่องประดับ ท่องเที่ยวและบริการ ธุรกิจสุขภาพ ทั้งนี้ แผนการเยือนฯ ดังกล่าวสอดคล้องกับแผนการปฏิรูป Vision 2030 ของประเทศซาอุดีอาระเบีย ซึ่งมีจุดมุ่งหมายให้ภาคเอกชนมีส่วนในการเพิ่มสัดส่วน GDP จากร้อยละ 40 เป็นร้อยละ 65
นอกจากนั้น แผนการปฏิรูปดังกล่าว ยังต้องการเพิ่ม GDP การส่งออก (ในภาคที่ไม่ใช่น้ำมัน) จากร้อยละ 16 เป็นร้อยละ 50 ซึ่งการหารือกันในครั้งนี้ จะเป็นการศึกษาความเป็นไปได้ในหลายๆ กลุ่มธุรกิจ ตามแนวทาง Trade & Travel รวมถึงด้าน Investment
ในช่วงเวลาการเดินทางเยือนดังกล่าว ในวันจันทร์ที่ 16 พ.ค. กระทรวงการต่างประเทศของไทยจะร่วมกับกระทรวงการลงทุน (Ministry of Investment: MISA) ของซาอุดีอาระเบีย จัดงาน Saudi-Thailand Investment Forum เพื่อให้ภาคเอกชนของทั้งสองประเทศสร้างความร่วมมือและพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างกันในด้านการค้าและการลงทุน โดยจะมีการลงนาม MOU ระหว่างภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะหอการค้าไทย จะมีการลงนาม MOU กับหอการค้าซาอุดีอาระเบียด้วย เพื่อหาโอกาสในการทำธุรกิจร่วมกัน โดยในช่วงบ่าย จะมีการจัดกิจกรรม B2B Meeting เพื่อให้นักธุรกิจทั้งสองประเทศ ได้มีการติดต่อเจรจาธุรกิจระหว่างกันตาม sector ต่าง ๆ ทั้งนี้ คาดว่าการเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียในครั้งนี้ จะเป็นการเปิดโอกาสให้เกิดการค้าและการลงทุนมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมา ไทยส่งออกไปยังซาอุฯ ประมาณ 1,500 ล้านเหรีญสหรัฐ หรือประมาณ 4.5 หมื่นล้านบาท คิดเป็นเพียง 0.6% ของการส่งออกทั้งหมดจากไทย แต่คาดว่าหลังจากการเดินทางเยือนครั้งนี้ จะทำให้สัดส่วนการส่งออกกลับมาอยู่ที่ 2.2% ซึ่งเคยเป็นสัดส่วนในปี 2532 โดยปริมาณการค้าดังกล่าว จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นไปถึงประมาณ 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.5 แสนล้านบาท และจะมีการลงทุนระหว่างกันเพิ่มเติมแน่นอน เพราะการเยือนครั้งนี้จะเป็นการชี้โอกาสการลงทุนในกลุ่มประเทศอาเซียน ให้กับทางภาครัฐและเอกชนที่ซาอุดิอาระเบียด้วย โดยในคณะของไทยจะมี BOI และ EEC ไปร่วมดึงการลงทุนมายังประเทศไทยด้วย
“การเดินทางไปซาอุดีอาระเบียของหอการค้าฯ ร่วมกับภาครัฐในครั้งนี้ เป็นทริปประวัติศาสตร์ที่เป็นการฟื้นความสัมพันธ์ในรอบ 32 ปี โดยจะเป็นการเปิดโอกาสให้ประเทศไทย ทั้ง Trade & Travel รวมถึง Investment เพื่อแสวงหาตลาดใหม่ในการทำการค้าระหว่างกัน เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการอย่างแน่นอน ซึ่งต่อไปหอการค้าฯ จะพา SMEs ไทยไปหาโอกาสในการทำการค้าและลงทุนต่อไป” นายสนั่น กล่าว