
ทำเอาปั่นป่วนโกลาหลกันไปทั่ว จ่อลุกลามเป็นวิกฤติการเงินเอา!
…
กับเรื่องที่แบงก์ชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ศปอท.) สั่งให้สถาบันการเงินดำเนินการกวาดต้อน “บัญชีม้า” และทุกบัญชีที่เกี่ยวข้องหรือมีเส้นทางการโอนโยงใยไปถึงเข้ามาอยู่ในกล่องบัญชีที่ต้องสั่ง "อายัด" เพื่อดำเนินการตรวจสอบ
เรียกได้ว่า หว่านแหอายัดบัญชีเอาไว้ก่อน แล้วค่อยดำเนินการเคลียร์บัญชีเป็นรายกรณี ทำให้วิถีชีวิตของผู้คนโกลาหล ผู้คนที่ถูกอายัดบัญชีโดยไม่รู้ตัว เดือดร้อนกันไปทุกหย่อมหญ้า

บรรดาร้าน รวงร้านค้า พลอยโดนหางเลขจนถึงขั้นต้องแห่ติดป้าย "งดสแกน-รับเฉพาะเงินสด" กันเป็นทิวแถว ผู้คนพากันแห่ไปถอนเงินสดจากสาขาของธนาคาร จนทำเอาระบบการเงิน ธนาคารปั่นป่วน หวิดกลายเป็นการจลาจล
ถือเป็นบทสะท้อนของการทำงานของ ธปท. และ ศปอท. ที่มุ่งเอาแต่ผลสำเร็จในการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ แก๊งคอลล์เซ็นเตอร์ โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดกับระบบสถาบันการเงินและวิถีชีวิตของผู้คน
กระทั่งล่าสุด ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดย น.ส.ดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบการชำระเงินและคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ธปท. ต้องออกมาแถลงข่าว ชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้น โดยยอมรับว่า ที่ผ่านมา ธปท.และ ศปอท. มุ่งแต่กวาดร้อนบัญชีม้า หรือบัญชีต้องสงสัยเข้ามาให้มากที่สุดก่อน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตรวจสอบ หวังจะนำเงินคืนให้แก่ผู้เสียหายให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จนกลายเป็นความไม่เข้าใจก่อให้เกิดความตื่นตระหนกในหมู่ผู้ฝากเงิน

อย่างไรก็ตาม ภายหลังการหารือล่าสุดของ ธปท. กับ ศปอท. และสถาบันการเงินได้ เห็นชอบปรับแนวทางระงับธุรกรรมและการปลดการระงับบัญชี โดยผู้สุจริตสามารถร้องเรียนเพื่อขอให้ปลดระงับธุรกรรมที่หมายเลขโทรศัพท์ 1441 กด 2 โดยแจ้งชื่อ เลขบัญชี และหมายเลขบัตรประชาชน
จากนั้นระบบรวบรวมข้อมูลและพิจารณาปลดบัญชีตามกำหนดรอบที่การประกาศบัญชีม้า วันละ 3 รอบ ได้แก่ รอบ 11.00 น., 15.00 น. และ 19.00 น. หากเป็นผู้สุจริตจะได้รับการปลดล็อกบัญชีภายใน 4 ชั่วโมง เช่นเดียวกัน ผู้ถูกระงับธุรกรรมนานเกิน 7 วัน จะถูกสะสางและปลดล็อกภายใน 1 สัปดาห์นับจากนี้
แต่กระนั้นก็หาได้ทำให้ความรู้สึกของผู้คนคลายกังวลลง ต่างยังคงแห่ไปถอนเงิน กดเงินจากตู้เอทีเอ็มมาเก็บไว้กับตัวเองเพื่อความสบายใจกันไว้ก่อน เพราะไม่รู้จะถูก "แจ๊คพ็อต" โดนอายัดบัญชีเอาเมื่อไหร่

ก่อนหน้านี้ถนนทุกสายต่างมุ่งกดดันอย่างเอาเป็นเอาตาย กับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือค่ายมือถือว่า.. เป็นต้นเหตุที่ปล่อยให้บรรดาแก๊งคอลล์เซ็นเตอร์ แก๊งอาชญากรรมลวงโลกเหล่านี้ได้เข้าถึงตัวประชาชนผู้ใช้บริการทั้งหลาย
ถึงขั้นมีการออกพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (พ.ร.ก.ไซเบอร์) พ.ศ. 2568 บังคับให้ค่ายมือถือและธนาคารต้องร่วมรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประชาชน หากพิสูจน์ได้ว่าหน่วยงานเหล่านั้น ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนดไว้ เช่น ไม่ติดตั้งระบบคัดกรอง SMS หลอกลวง หรือไม่ระงับบัญชีม้าตามที่กำหนด ทำให้ประชาชนได้รับความเสียหาย
แม้ค่ายมือถือต่างๆ จะออกโรงยืนยันมาตรการที่รัฐและกระทรวงดีอี ออกมาเป็นการ "เกาไม่ถูกที่คัน" เพราะผู้ให้บริการมือถือต่างๆ เป็นแค่เครื่องมืออำนวยความสะดวดแกผู้ใช้บริการเท่านั้น
ธนาคาร และ ธปท. ต่างหากที่จะต้องหามาตรการป้องกันไม่ให้มีการโอนเงินกันโดยง่าย และหากพบความปกติในการทำธุรกรรมทางการเงิน ระบบของธนาคารเองจะต้องสามารถระงับยับยั้งการโอนเงินที่ว่านี้ เพื่อดำเนินการตรวจสอบจนเป็นที่ยืนยันการทำธุรกรรมที่ว่านั้นให้ได้เสียก่อน
ที่สุดวันนี้.. ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นกันแล้ว เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าบัญชีโอนเงิน บัญชีม้าอะไรที่ว่านั้น มันก็คือ…บัญชีปกติของผู้คนที่กลุ่มอาชญากรรมเหล่านี้หาช่องทางการโอนเงินเข้า-ออก และกระจายเงินไปทั่ว
ใครจะไปนึกว่า เงินที่พ่อค้าแม่ค้า หรือร้านรวงโดยทั่วไปที่สแกนรับ-จ่ายกันตามปกติ จะมีเครือข่ายคนเหล่านี้ดอดเข้ามาสวมรอยแฝงโอนเงินที่ได้จากการกระทำผิดแฝงเข้ามาด้วย

เป็นต้นว่า หลอกให้โอนเงินผ่านบัญชีซื้อขายสินค้าออนไลน์ปกติที่เจ้าของบัญชีพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ไม่รู้ตัวมาก่อนว่า จะมีพวกมิจฉาชีพแฝงตัวเข้ามาใช้บัญชีร้านค้าโอนเงินผ่านได้เรื่องมันถึงได้โกลาหลกันอย่างที่เห็น
แต่ก็ทำให้ค่ายมือถือที่เคยตกเป็นผู้ร้ายมาก่อนหน้าได้เคลียร์ตัวเองลงไปได้เสียที..
ต้นตอความวุ่นวายที่เกิดขึ้นไม่ได้อยู่ที่มือถือหรือสมาร์ทโฟนอีก มันอยู่ที่การวางระบบตรวจสอบ คัดกรอง “บัญชีผี-บัญชีม้า” ที่ว่าจะของ ธปท. สถาบันการเงินอะไรก็ตามแต่ ค่ายมือถือก็แค่เป็นช่องทางการอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมทางการเงินเท่านั้น
กลไกหลักในการเข้าคุมเงินไหลเข้า-ออกผ่านบัญชี ยังไงก็ต้องเริ่มต้นที่แบงก์และสถาบันการเงินว่าได้วางระบบคัดกรองตรวจสอบยืนยันตัวตนกันไว้รัดกุมแค่ไหนก่อน
เล่น “หว่านแห” กวาดต้อนบัญชีผู้คนเข้าไปกองรวมอยู่ในตระกร้า ศปอท. กันแบบนี้ แล้วค่อยมาดำเนินการคัดแยกกันแบบนี้ แล้วจะสร้างความมั่นใจให้ผู้คนเจ้าของบัญชีได้อย่างไรว่า วันหนึ่งจะไม่โดนรวบ หรือกวาดต้อนไปกองรวมไปด้วย
แถมสิ่งที่ ธปท. และ ศปอท. ทำในขณะนี้ ยังเป็นเครื่อง "ตอกย้ำ" ให้ประชาชนทั่วไป เข้าใจผิดกันไปใหญ่ เพราะมันไม่ได้ผิดแผกแตกต่างไปจาก สิ่งที่แก๊งคอลล์เซ็นเตอร์และมิจฉาชีพออนไลน์ที่เเที่ยวหลอกผู้คนให้โอนเงินและทรัพย์สินไปให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบกันอยู่เวลานี้แม้แต่น้อย และแทบจะเป็นแพลตฟอร์มรูปแบบเดียวกันเสียด้วยซ้ำ
มันถึงได้เกิดความโกลาหลผู้คนแห่ไปถอนเงินกันอย่างที่เป็นอยู่ในเวลานี้ จริงไม่จริง!
แก่งหิน เพิง