
ควันหลงแก้สัญญาร่วมทุนรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ส่อลากยาวกระทบโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบิน ตอ. หลังเอกชนจี้รัฐ-สำนักงานอีอีซี เร่งออกหนังสือเริ่มก่อสร้าง ไม่อยากเสียเวลารอ
หลังจาก บริษัทอู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด UTA ผู้รับสัมปทานโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินตะวันออก บนเนื้อที่กว่า 6,500 ไร่ มูลค่ากว่า 2.9 แสนล้านบาท ได้มีหนังสือเร่งรัดให้คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) เร่งออกหนังสือเริ่มต้นก่อสร้าง Notice to Proceed : NTP เพื่อเริ่มต้นก่อสร้างโครงการ หลังจากบริษัทได้ขยายเวลารอคำตอบจากรัฐถึง 2 ครั้ง นับตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา โดยล่าสุดได้ขยายกรอบเวลาไปถึงวันที่ 15 สิงหาคม 2568 พร้อมยืนยันจะไม่ขยายเวลาออกไปอีก

โดยทาง UTA ยืนยันว่า ต้องการให้รัฐมีความชัดเจนในการแก้ไขสัญญาและเริ่มต้นก่อสร้างโครงการ โดยจะไม่รอโครงการรถไฟความเร็วสูงแล้ว เพราะทำให้โครงการล่าช้า ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยบริษัทพร้อมเจรจาปรับลดขนาดโครงการลงให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในกรณีที่ไม่มีโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ที่ทำให้ศักยภาพของโครงการลดลง
ทั้งนี้ ตามแผนการลงทุนโครงการในเฟสแรก บริษัทต้องก่อสร้างอาคารผู้โดยสารขนาดความจุ 12 ล้านคน โดยคาดว่าจะมีการลงทุนมากกว่า 40,000 ล้านบาท ยังไม่รวมในส่วนของเมืองการบินตะวันออก ก่อนจะมีการเจรจาปรับแผนก่อสร้างใหม่เป็น 6 เฟส โดยยังไม่มีการเจรจาปรับลดขนาดโครงการลงแต่อย่างใด

ขณะที่รัฐบาลกำลังเพรียกหาการลงทุนขนาดใหญ่ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจะดึงความเชื่อมั่นในการลงทุน โครงการพัฒนาเมืองการบินตะวันออกน่าจะเป็นคำตอบที่ทุกฝ่ายเพรียกหา หากรัฐไฟเขียวการแก้ไขสัญญาและการลงทุนก็สามารถเริ่มงานก่อสร้างโครงการที่มีมูลค่าลงทุนในเฟสแรกกว่า 40,000 ล้านบาทได้เลย เพราะในส่วนของการก่อสร้างรันเวย์ และทางวิ่ง ทางขับได้เริ่มการก่อสร้างไปแล้ว ทาง UTA จึงไม่ต้องการเสียเวลารอคอยคำตอบจากรัฐในเรื่องของโครงการไฮสปีดเทรนเชื่อม 3 สนามบิน ว่าจะมาเมื่อไหร่
"หากรัฐมีหนังสือ NTP ไปยังบริษัท ก็พร้อมเริ่มดำเนินโครงการในระยะแรก (เฟส 1) ในการก่อสร้างเทอร์มินัลได้เลย ต้องมีการลงทุนในเฟสแรกกว่า 40,000 ล้านบาทในทันที ส่วนในอนาคตเมื่อโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน มีความชัดเจนแล้ว จึงค่อยมาเจรจาปรับแก้ไขสัญญาใหม่"
