
จากการที่บริษัท อู่ตะเภาอินเตอร์ จำกัด หรือ UTA ยื่นโนติ๊สต่อ กพอ. และรัฐบาลให้เร่งออกหนังสือสั่งเริ่มก่อสร้าง NTP
ไม่ขอขยายเวลาลงนามแก้ไขสัญญาแต่หากรัฐยังยืดเยื้อ จ่อเคลมว่า มีความสียหาย 5,100 ล้าน
…
บริษัทอู่ตะเภา อินเตอร์ฯ หรือ UTA ผู้รับสัมปทานพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา และเมืองการบินตะวันออก วงเงินกว่า 290,000 ล้านบาท ยื่นโนติ๊สไปยังคณะกรรมการ กพอ. และ สกพอ. ขอให้รัฐเร่งออกหนังสือเริ่มงานก่อสร้าง NTP ภายใน 31 ก.ค. จากเดิมที่กำหนดไว้คู่สัญญาฝ่ายรัฐจะออก NTP ตั้งแต่ 18 มิ.ย. 2568 โดยบริษัทยืนยันไม่ต้องการขยายเวลากำหนดการเริ่มต้นงานออกไปอีก
นับเป็น “โครงการลงทุนเมกะโปรเจ็กต์แรกที่บริษัทเอกชนผู้รับสัมปทาน มีหนังสือมายังคู่สัญญาฝ่ายรัฐ” เพื่อให้เร่งรัดการออกหนังสือสั่งการเพื่อให้เริ่มต้นก่อสร้างโครงการ

จากปกติที่เห็นแต่หน่วยงานรัฐเป็นฝ่ายไขลาน เร่งรัดเอกชนลงทุน บางโครงการต้องไขลานกันถึงขั้นที่ต้องเคี่ยวต้องดัน หรือถึงขั้นขู่เลิกสัญญา จึงจะขยับโครงการก่อสร้างลงทุนได้
แต่โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา และเมืองการบินตะวันออก ดูจะเป็นโครงการเดียวที่บริษัทเอกชนผู้รับสัมปทานกลับออกโรงเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐออกหนังสือสั่งให้เริ่มต้นก่อสร้างเสียที มิฉะนั้นบริษัทจะใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาและเรียกค่าเสียหาย เสียโอกาสจากรัฐ วงเงินกว่า 5,100 ล้านบาท
นัยว่า สาเหตุที่ทำให้โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินตะวันออก ประสบปัญหาความล่าช้า ทั้งที่ได้รับสัมปทานมาตั้งแต่ปี 2563 ก็เพราะต้องรอความชัดเจนจากโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมืองสุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ที่ถือเป็นปัจจัยสำคัญแห่งความสำเร็จของโครงการนี้

เนื่องจากหากปราศจากโครงการรถไฟความเร็วสูงฯ จะทำให้เป้าหมายการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา และเมืองสนามบินตะวันออก ที่จะเป็นสนามบินนานาชาติแห่งที่ 3 ของไทย ต้องปิดฉากตามไปด้วย