แม้นักลงทุนน้อยใหญ่จะแสดงความผิดหวังกับราคาหุ้นของ “BANPU” หรือ บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ในช่วงขวบปีที่ผ่านมา ที่ไม่ได้มีข่าวดีอะไรหวือหวาออกมามากนัก แถมราคาหุ้นในกระดานมีแต่จะสาละวันเตี้ยลง ๆ ๆ จากที่เคยซื้อขายกันที่ระดับ 14.00 - 15.00 บาท/หุ้น เมื่อกลางปี 2565 ค่อยๆ ไหลรูดลงมาจนล่าสุดลงมาอยู่ในระดับต่ำสุดที่ 6.45 บาท/หุ้น จนทำเอานักลงทุนอกสั่นขวัญแขวน กลัวจะกู่ไม่กลับไปซื้อขายกันที่ 4.00 บาท อย่างในปี 2563
แต่วันวาน BANPU ก็ได้รับข่าวดีจากการที่บริษัทได้รับคัดเลือกให้เป็นสมาชิกในกลุ่มดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ หรือ Dow Jones Sustainability Indices (DJSI) ระดับโลกต่อเนื่องเป็นปีที่ 10 ในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets) อันเป็นเครื่องสะท้อนให้เห็นว่า DJSI ยังคงประเมินประสิทธิผลการดำเนินธุรกิจของบริษัทว่า มีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการ รวมทั้งสร้างคุณค่าระยะยาวให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียอยู่
สอดคล้องกับนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ชั้นนำทั้งหลายที่ยังคงประเมิน BANPU ในทิศทางที่ดีอยู่ ยังคงมองปัจจัยพื้นฐานของบ้านปูยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี มีค่า P/E Ratio ต่ำเพียง 10.42 เท่า อัตราเงินปันผลตอบแทน 14.18% ราคาหุ้นที่เคลื่อนไหวอยู่ในเวลานี้ จึงอยู่ในข่ายที่น่าสนใจ เพราะเงินปันผล “คุ้มมาก” คุ้มยิ่งกว่าบริษัทสื่อสารบางรายที่หลอกให้นักลงทุนหลวมตัวเข้าไปลงทุน เพราะนึกว่าจะบิ๊กบึ้มหลังควบรวมกิจการเมื่อกว่าขวบปีที่ผ่านมา
ที่ไหนได้กลายเป็นขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ พอเหลาลงไปกลายเป็นบ้องกัญชาซะเฉย ผิดกับ BANPU นี้ ที่นัยว่า โบรกเกอร์ 9 สำนักได้ประเมินราคาเป้าหมายหุ้น BANPU เฉลี่ยอยู่ที่ 8.67 บาท บางโบรกเกอร์ตั้งราคาเป้าหมายสูงสุดไว้ที่ 10.40 บาทด้วยซ้ำ ส่วนใหญ่ใหญ่แล้วความเห็นของนักวิเคราะห์หลักทรัพย์แนะให้ซื้อหรือให้ถือไว้
ที่ผ่านมา BANPU จัดเป็นหุ้นเก็งกำไรยอดนิยมตัวหนึ่งที่นักลงทุนกระโดดเข้ามาถือเก็บกันเอาไว้ โดยมีจำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อยกว่า 89,650 ราย ถือหุ้นรวมกันในสัดส่วน 90.79% ขณะที่กลุ่ม “ว่องกุศลกิจ” ถือหุ้นรวมกันประมาณ 10% เพราะทยอยขายหุ้นออกต่อเนื่อง จนทำเอานักลงทุนหลายรายสัพยอกเอาว่า หุ้นใหญ่ตั้งแท่นจะลอยแพบ้านปูกันหรืออย่างไร จึงมีแต่ขายออกมา
แต่ล่าสุดนั้น มีรายงานว่า นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการ BANPU นั้น ได้ดอดเข้ามาเก็บหุ้นเข้าพอร์ตบิ๊กล็อตกว่า 500,000 หุ้น ในราคาหุ้นละ 6.35 บาท ซึ่งนักวิเคราะห์หลายสำนักต่างพากันมองว่า น่าจะเป็นการส่งสัญญาณที่ชี้ให้เห็นอะไรบางประการ สะท้อนให้เห็นว่าผลประกอบการใน Q4 ไตรมาสสุดท้ายของปีนี้น่าจะออกมาดีแน่ หรืออาจจะมีไม้เด็ดนำเงินสดๆ ที่มีอยู่เต็มหน้าตักหลายหมื่นล้านเข้ามา “ซื้อหุ้นคืน, ชำระหนี้เพื่อลดดอกเบี้ยเงินกู้หรือปันผลพิเศษ” ไม่งั้นผู้ก่อตั้ง Banpu คงไม่ดอดเข้ามาเก็บหุ้นเข้าพอร์ตเต็มหน้าตักเช่นนี้แน่!
แถมช่วงไตรมาส 4 ต่อเนื่องถึงไตรมาสแรกปี 2567 เป็นช่วงพีคสุดของการใช้พลังงาน เนื่องจากเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว นอกจากนี้ Banpu ยังมีข่าวดีรออยู่ช่วงปลายปี เป็น “บิ๊กดีล” นำบริษัทลูกหรือ BKV ทำธุรกิจโรงไฟฟ้าที่รัฐเท็กซัส อเมริกา เข้าตลาดหุ้นนิวยอร์ก.. จะตุนเงินสดได้อีกจำนวนมาก และน่าจะเป็นข่าวดีให้กลุ่มผู้ถือหุ้น Banpu ชื่นใจได้บ้าง!