
“...เล็กๆ มิต้าไม่ ใหญ่ๆ มิต้าทำ..." โฆษณาสุดชิคอันโด่งดังในอดีต ที่ใครต่อใครนำไปล้อเลียนจนกลายเป็นไวรัลยอดฮิต พ.ศ.นั้น และยังคงมีการหยิบยกนำมาเปรียบเปรยใช้กับใครบางคนที่ลุยไฟลุยงานแบบถึงลูกถึงคน ยิ่งหากเป็นโครงการใหญ่สุดท้าทายด้วยแล้ว ต่อให้หนักหนาสาหัสแค่ไหนก็พร้อมลุยไฟไปทุกเมื่อ
แต่ไวรัลสุดชิคดังกล่าวคงใช้ไม่ได้กับผู้ว่าฯ กทม. ได้ชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุดในสามโลก เพราะขานี้มีแนวคิดและพฤติกรรมตรงกันข้ามเลย เพราะหลังจาก “ชช - นายชัชชาติ สิทธิพันธ์” ชนะการเลือกตั้งแบบถล่มทลายได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. สมใจอยาก ด้วยความคาดหวังของประชาชนคนกรุงร่วม 10 ล้าน ที่อยากเห็นกรุงเทพฯ พลิกผันไปจากสภาพปัจจุบันเสียที พร้อมกับประกาศนโยบาย 200 ข้อ ให้กรุงทพฯ เป็นเมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน
แต่ทำไปทำมาวันนี้หลากหลายนโยบายที่ป่าวประกาศเอาไว้ เริ่มจะหดหายไปทีละอย่างสองอย่างให้แล้ว อย่างนโยบายนำสายไฟฟ้า – สายสื่อสารลงดิน ที่วาดฝันกันเอาไว้จะทำให้ภูมิทัศน์เมืองกรุงศิวิไลซ์ ที่นัยว่าจะต้องใช้งบมากกว่า 19,000 ล้านนั้น ก็ทำท่าจะปลิวหายไปแล้วเวลานี้ การเพิ่มรถเมล์เล็ก-เมล์ใหญ่ทั้งสายหลักสายรองให้คนกรุงได้เดินทางสะดวกสบายมากขึ้นก็ “แบไต๋” หาใช่อำนาจของผู้ว่าฯ กทม. ที่จะสั่งซ้ายหัน-ขวาหันได้

มาเรื่องรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่ผู้ว่าฯ กทม. ขึ้นเวทีตีปี๊บป่าวประกาศ จะทำให้คนกรุงเข้าถึงในราคาถูกลงเหลือ 25-30 บาทนั้น ไม่เพียงจะ “หายเข้ากลีบเมฆ” ตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับตำแหน่ง ปัญหาหนี้คงค้างค่าจ้างเดินรถและการต่อขยายสัมปทานสายสีเขียวที่ กทม. มีอยู่กับบริษัท BTSC ผู้รับสัมปทาน ก็ไม่รู้ผู้ว่าฯ กทม. ไปทำอีท่าไหน ทำไปทำมาหนี้สินค้างชำระและดอกเบี้ยทำท่าจะพันคอผู้ว่าฯ กทม. ซะเอง
มาถึงรถไฟฟ้ารางเดี่ยว “โมโนเรล” สายสีเทา ช่วงวัชรพล-พระราม 3 ระยะทางรวม 40 กม. โดยเฟสแรกจะดำเนินโครงการ ช่วงวัชรพล-ทองหล่อ ระยะทาง 16.3 กม. วงเงินลงทุนราว 27,884 ล้านบาท ที่ กทม. ตั้งแท่นศึกษาเอาไว้ตั้งแต่ปีมะโว้ หวังจะให้เป็นโครงการกู้หน้าของ “ผู้ว่าฯ ชัชชาติ” ที่ถูกใครต่อใครพากันสัพยอกว่า “เก่งแต่วิ่งเซลฟี่ กับเปิดแพรคลุมป้าย ไม่เห็นจะทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเสียที” นั้น

ล่าสุด ก็มีแนวโน้มว่า “ผู้ว่าฯ ชัชชาติ” จ่อจะพับแผนก่อสร้างรถไฟฟ้าโมโนเรลสายนี้เสียแล้ว โดยมีแผนจะให้ กทม. โอนโครงการไปให้ รฟม. และรัฐบาลบริหารจัดการแทนเพื่อความคล่องตัว จะได้ไม่เกิดปัญหาแบบรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่ กทม. ยังมืดแปดด้านอยู่ในปัจจุบัน โดยนัยว่า ทั่นผู้ว่าฯ นั้น อยากให้ กทม. หันมา “โฟกัส” การดำเนินการนโยบายเส้นเลือดฝอยเป็นหลัก ไม่มีนโยบายที่จะดำเนินการโครงการขนาดใหญ่ในช่วงนี้
ก็ไม่รู้ว่าเรื่องที่ลือกันให้แซ่ดที่ว่า “งานใหญ่ๆ ชัชชาติไม่อาว” นั้น จะจริงเท็จแค่ไหน หากเป็นเรื่องจริงก็เป็นสิ่งที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง เพราะหากผู้ว่าฯ กทม. จะหันมา ”โฟกัส” แต่งานรูทีน เที่ยววิ่งเซลฟี่ เปิดแพรคลุมป้ายงานดนตรีที่สวนเป็นหลัก ก็ไม่รู้เราจะมี “ผู้ว่าฯ ซังกระบ๊วย” แบบนี้ไว้ทำซากอะไร ?
แล้วคุณภาพชีวิตคนกรุง 10 ล้าน มันจะดีขึ้นไปได้อย่างไร หากมีผู้ว่าฯ กทม. ที่มีกึ๋นอยู่แค่นี้ ยิ่งปีหน้า 2566 ทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าโดยสารเมล์ รถไฟ และโดยเฉพาะรถไฟฟ้า จ่อคอหอยจะดีเดย์ปรับขึ้นราคากันหน้าสลอนด้วยแล้ว คนกรุงไม่ตายงานนี้ก็ไม่รู้จะไปตายงานไหนแล้ว จริงไม่จริง !!!
คงต้องฝากฝังไปยังสภา กทม. ให้ช่วยกัน “ถอนหงอก” เอ้ย! สอนมวยผู้ว่าฯ ที่แข็งแกร่งที่สุดในสามโลกกันเสียหน่อยว่า ภารกิจหลักของ กทม. และผู้ว่าฯ กทม. นั้นคืออะไร หากจะมุ่งแต่โฟกัสการทำงานรูทีนและวิ่งเซลฟี่ เปิดแพรคลุมป้าย แล้วคุณภาพชีวิตของคนกรุงมันคงไม่อาจจะดีขึ้นได้แน่
ที่สำคัญ ทั่นผู้ว่าฯ ควรต้องหวนกลับไปดูด้วยว่า ผลพวงจากการที่ กทม. ดำเนินโครงการรถไฟฟ้าเองนั้น มีส่วนกระตุ้นเศรษฐกิจ ขับเคลื่อนความเจริญให้กับ กทม. ได้มากน้อยแค่ไหน ก่อให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจตามแนวรถไฟฟ้า โดยเฉพาะการพัฒนาอสังหาฯ ตามแนวรถไฟฟ้าได้อย่างไร ไม่ว่าจะเป็นร้านรวง ภัตตาคาร ร้านอาหาร กทม. เองก็ได้ “อานิสงส์” ผลพลอยได้จากการจัดเก็บภาษีที่ดินสิ่งปลูกสร้างและภาษีท้องถิ่นได้เป็นล่ำเป็นสัน
อย่างรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายอ่อนนุช-แบริ่ง แค่สายเดียวก็ทำให้ กทม. จัดเก็บภาษีที่ดินจากการโอนห้องชุดอสังหาฯ ที่ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ดในเส้นทางรถไฟฟ้าปีละกว่า 5,000-6,000 ล้านบาท ยิ่งหากเป็นรถไฟฟ้า สายสีเทา ที่มีเส้นทางผ่านทำเลทองย่านธุรกิจสำคัญ ๆ อย่างทองหล่อด้วยแล้ว จะส่งผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ก่อให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายรอบสถานีไปอีกมากน้อยแค่ไหน คงพอจะนึกกันออก

ส่วนแนวทางการดำเนินโครงการนั้น หากผู้ว่าฯ กทม. “มีกึ๋น” พอ ไม่พาลซื่อบื้อจนเกินไป ก็มี “โมเดล” รถไฟฟ้าสายสีชมพู และสายสีเหลือง ของ รฟม. หรือแม้กระทั่งสายสีเขียวของ กทม.เอง เป็นตัวอย่างให้เห็นอยู่แล้ว เปิดทางให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุนก่อสร้างให้ก่อน แล้วรัฐหรือ กทม. ค่อยหาทางจ่ายคืนในภายหลังก็ทำได้แล้ว
อยากจะเป็นผู้ว่าฯ กทม. ให้โลกได้จดจำแบบไหนก็เลือกเอาครับ ท่านผู้ว่าฯ ชัชชาติ ที่เคารพ!!!