กังขา กทม. เปิดทางเอกชนกินรวบสัมปทานท่อร้อยสายสื่อสารใต้ดิน สั่งทุกหน่วยงานรื้อสายสื่อสารในเขต กทม. แม้แต่ กฟน. - TOT ยังโดนหางเลข หวังบีบมาใช้ท่อร้อยสายของ กทม. ล่าสุดเดินหน้าเปิดตัวโครงการแล้ว
จากกรณีที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) โดยบริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด ได้รุกคืบดำเนินโครงการท่อร้อยสายสื่อสารใต้ดินมูลค่ากว่า 25,000 ล้านบาท และเตรียมเซ็นสัญญากับบริษัทลูกทรูคอร์ปอเรชั่น ให้เข้ามาเป็นผู้รับเหมาโครงข่ายท่อร้อยสายสื่อสารใต้ดินทั้งหมดไปทำการตลาดระยะเวลา 30 ปี ก่อนที่ กทม. จะมีคำสั่งห้ามบริษัทสื่อสาร หรือผู้ให้บริการสายสื่อสารรายอื่นดำเนินการพาดสายในทุกพื้นที่ในเขต กทม.นั้น
ผู้สื่อข่าว สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์ รายงานว่า ล่าสุด เมื่อวันที่ 18 มิถุนายนที่ผ่านมา พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนการนำสายสื่อสารลงใต้ดิน ของกรุงเทพฯ และนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้ร่วมกันเปิดตัวโครงการ ก่อสร้างโครงข่ายท่อร้อยสายสื่อสารใต้ดินในเขต กทม. และร่วมลงนามในบันทึกความร่วมมือ MOU ความร่วมมือโครงการส่งเสริมการพัฒนาและกำหนดแนวทางการนำสายสื่อสารลงใต้ดินระหว่างกรุงเทพมหานครกับ สำนักงาน กสทช. ที่บริเวณห้างสรรพสินค้า เดอะสตรีท รัชดา ซึ่งเท่ากับเป็นการลุยขับเคลื่อนโครงการดังกล่าว โดยไม่สนใจประเด็นปัญหาข้อกฎหมายและข้อท้วงติงของสมาคมโทรคมนาคมและบริษัททีโอทีแต่อย่างใด
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ที่ผ่านมา พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. ยังได้ลงนามในประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่องการปฏิบัติให้ถูกต้องตามประกาศมาตรา 39 แห่งพระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535 โดยมีเนื้อหาระบุว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2562 เห็นชอบมติคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2561 ลงวันที่ 11 ตุลาคม 2561 ที่เห็นชอบให้กรุงเทพฯก่อสร้างท่อร้อยสายสื่อสารใต้ดินในเขตกรุงเทพมหานคร เพื่อเป็นการแก้ปัญหาสายสื่อสารที่ไม่เป็นระเบียบและเป็นอันตรายต่อประชาชน
เพื่อให้การดำเนินการบรรลุวัตถุประสงค์ตามคณะมนตรี ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในฐานะเจ้าพนักงานปกครองท้องถิ่น จึงออกประกาศโฆษณา พระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535 มาตรา 44 (1) ดังนี้
1. การติดตั้ง ตาก วาง หรือแขวนสิ่งของใดในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นหรือเจ้าพนักงาน เป็นความผิดซึ่งต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท และเจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจสั่งให้ผู้กระทำปลดหรือถอนภายในเวลาที่กำหนด ถ้าผู้นั้นละเลย เพิกเฉย นอกจากจะมีความผิดฐานขัดคำสั่งของเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญาแล้ว ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นหรือเจ้าหน้าที่ดำเนินคดีตามพระราชบัญญัตินี้ต่อไป ตามมาตรา 39 ประกอบมาตรา 54 แห่งพระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535 และต้องชำระค่าปรับวันละหนึ่งหมื่นห้าพันบาทตลอดระยะเวลาที่ฝ่าฝืนคำสั่ง ตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 มาตร 63/23(2)
2. สายสื่อสารที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว ย่อมไม่มีเหตุผลหรือความจำเป็นที่จะอนุญาตให้บุคคลใดติดตั้ง วางหรือแขวนในที่สาธารณะ ผู้กระทำต้องดำเนินการปลดหรือรื้อถอนออก
3. สายสื่อสารที่ติดตั้ง วางหรือแขวนในที่สาธารณะ เมื่อมีท่อร้อยสายใต้ดินในพื้นที่ดังกล่าว ย่อมไม่มีเหตุผลและความจำเป็นที่จะอนุญาตให้บุคคลใดติดตั้ง วาง และแขวนในที่สาธารณะ ผู้กระทำต้องปลดหรือรื้อถอนออก
การออกประกาศกรุงเทพมหานครดังกล่าว เห็นได้ชัดว่า มุ่งเอื้อประโยชน์ให้แก่เอกชนรายเดียวที่มีสิทธิ์จะให้บริการท่อร้อยสายทั่ว กทม. ทั้งที่ก่อนหน้านี้ บริษัททีโอทีและบริษัทสื่อสารโทรคมนาคม มีโครงการแก้ปัญหาสายสื่อสารที่ไม่มีความเป็นระเบียบเหล่านี้อยู่แล้ว ตามมติของคณะกรรมการดีอี และนโยบายรัฐบาล
โดยบริษัททีโอทีนั้น มีโครงการ "มหานครอาเซียน" ในการลงทุนวางท่อร้อยสายสื่อสารใต้ดินในเขตกรุงเทพมหานครเช่นเดียวกับ กทม. และได้มีการหารือร่วมกับบริษัทสื่อสารเอกชน 7 ราย เพื่อเชิญชวนให้มาใช้ท่อร้อยสายดังกล่าว แต่ยังติดขัดในเรื่องอัตราค่าบริการเช่าท่อที่บริษัทเอกชนท้วงติงว่าสูงเกินไป
ขณะที่สมาคมโทรคมนาคมเองฯ ก็มีแผนที่จะร่วมมือกับการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) จัดระเบียบสายสื่อสารบนเสาไฟฟ้าโดยการนำเทคโนโลยีใหม่ท่อร้อยสายบนอากาศมาใช้และอยู่ระหว่างการจัดทำแผนโมเดลจัดระเบียบสายสื่อสารดังกล่าว
แต่ล่าสุดผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ก็ออกประกาศกรุงเทพมหานครดังกล่าว เพื่อสกัดกั้นไม่ให้บริษัทสื่อสารรายอื่น รวมทั้งหน่วยงานของรัฐอย่างทีโอที และ กฟน. เข้ามาแข่งขันหรือพาดสายสื่อสารแข่งกับ กทม.
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวกล่าวว่า การดำเนินการของ กทม. ในการให้บริษัทกรุงเทพธนาคม (KT) ที่อ้างว่าได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมประเภทที่ 3 จาก กสทช. แล้ว รับหน้าเสื่อก่อสร้างโครงขายท่อร้อยสายสื่อสารใต้ดิน และเจรจาดึงบริษัทลูกของกลุ่มทรูคอร์ป เข้ามารับสัมปทานทำการตลาดให้ 30 ปี โดยบริษัทลูกของกลุ่มทรูดังกล่าว จะรับเหมาโครงข่ายท่อร้อยสาย 80% ออกไปทำการตลาดให้นั้น ยังคงมีปัญหาข้อกฎหมายว่า เป็นการให้สัมปทานที่เข้าข่ายตาม พ.ร.บ.การลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 (พ.ร.บ.พีพีพี) หรือไม่
เนื่องจากโครงการนี้มีการลงทุนถึง 25,000 ล้านบาท และมีระยะเวลาสัมปทานถึง 30 ปี อีกทั้งพฤติกรรมของผู้บริหาร กทม. ข้างต้น ยังส่อให้เห็นถึงการออกกฎหมายและข้อบัญญัติในลักษณะที่เอื้อให้แก่เอกชนบางรายอีกด้วย