วิกฤตโควิด-19 หยุดขบวนการขนของเถื่อน โดยเฉพาะ “เหล้า-บุหรี่-ยาเสพติด” ได้ยากนัก! ยิ่งช่วงใกล้เทศกาล “ส่งปีเก่า รับปีใหม่” ด้วยแล้ว เมืองไทยกลายเป็น “ปลายทาง” ของแก๊งลักลอบหนีภาษี จำเป็นที่ “กรมภาษี” อย่าง...ศุลกากรและสรรพสามิต จำต้องหาทางรับมือ ผ่านชุดปฏิบัติการพิเศษ
3 เดือนแรกของปีงบประมาณใหม่ ซึ่งส่วนราชการยึดถือมาโดยตลอด แต่เป็น 3 เดือนสุดท้ายของปีปฏิทิน ที่ภาคเอกชนและธนาคารพาณิชย์ ใช้ในการประเมินผลการดำเนินงานแต่ละปี
ถือเป็นช่วง “ไฮซีซั่น” ของหลายๆ ภาคธุรกิจ...โดยเฉพาะแวดวงธุรกิจการท่องเที่ยวและโรงแรม รวมถึงร้านค้าปลีกและส่ง
ยิ่งใกล้รอยต่อเทศกาล “ส่งท้ายปีก่อน ต้อนรับปีใหม่” มากเท่าใด? สีสัน...คัลเลอร์ฟูล ทั้งแสง สี และเสียง มักถูกนำมาใช้ตกแต่ง ประดับประดา เรียกร้องความสนใจ ดึงดูดลูกค้า...เข้ามาจับจ่ายใช้สอยในพื้นที่ของตนมากเท่านั้น
แต่ไม่ใช่ปี 2563 อันเป็นปีที่น่าจะย่ำแย่ที่สุด! หลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อ 75 ปีก่อน...
กล่าวได้ว่า...ปีที่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ไปทั่วทุกหัวระแหงกับโลกทั้งใบรอบนี้ คร่าชีวิตผู้คนเป็นจำนวนมาก ไม่ต่างจากสงครามโลก 2 ครั้งที่ผ่านมา...
ล่าสุด เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2563 พบผู้ติดเชื้อทั่วโลกเกือบ 60 ล้านคน ตายไปแล้วกว่า 1.38 ล้านราย มีที่รักษาหาย 37.2 ล้านคนเศษ โดยอยู่ระหว่าการรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลและพื้นที่เฉพาะ ในทางการแพทย์อีกเกือบ 20 ล้านคน
สร้างผลกระทบเชิงลบในมิติต่างๆ มากมาย...ทั้งในทางการเมือง เพราะมีผู้บริหารประเทศของบางชาติ จำต้องประกาศลาออก เพราะไร้น้ำยาจะต่อสู้กับไวรัสโควิด-19
รวมถึงผลกระทบในมิติอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น...ด้านสังคม ที่ผู้คนจำนวนมาก “ตกงาน - ขาดเงินขาดรายได้”
ด้านสาธารณสุข จากเหตุที่ผู้นำครอบครัวต้องล้มตาย หรืออยู่ระหว่างการรักษา ขณะที่บางราย ถึงรักษาหาย แต่อาการก็ไม่เหมือนเดิม
บางราย...อาการกลับมาใกล้เคียงกับที่เคยเป็นก่อนหน้าจะติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่ปรากฏว่า...หน่วยงานต้นสังกัด จำต้องปิดตัวหรือหยุดกิจการ ทำให้ขาดรายได้ และไม่สามารถจะเลี้ยงดูครอบครัวได้เหมือนเช่นก่อน
นั่นคือ...ผลกระทบต่อเนื่องไปถึงปัญหาเศรษฐกิจ ทั้งในระดับมหภาค และระดับจุลภาค โดยเฉพาะปัญหาปากท้องของประชาชน
ต่อให้หลายราย...ไม่ได้รับผลกระทบทางตรงใดๆ จากปัญหาไวรัสโควิด-19 แต่ทางอ้อม...พวกเขากลับต้องซื้อหาสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภค ได้แสนยากเย็น ไอ้ที่พอหาซื้อได้...ก็ต้องจ่ายในราคาแสนแพง!
โชคดีที่สิ่งนี้...ไม่ได้เกิดขึ้นกับคนไทย และเมืองไทย
เพราะความเป็น...แหล่งผลิตอาหารของโลก และความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการ “รับมือ” ไวรัสโควิด-19 จนได้รับยกย่องจากนานาชาติ ให้เป็น...แบบอย่างแก่รัฐบาลหลายๆ ประเทศ นำไป “ถอดแบบ” เพื่อต่อกับไวรัสตัวร้ายนี้
ทว่าในความโชคดี ก็มีความโชคร้ายซ่อนอยู่...
โดยเฉพาะกับธุรกิจที่เคยรับอานิสงส์ จากการเป็น “จุดหมายปลายทาง” ของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เคยพากันเข้ามาท่องเที่ยวในเมืองไทย เกือบ 40 ล้านคนในปี 2562
แต่เหลือเพียง 6-7 ล้านคนในปี 2563 และไม่แน่ว่า...ในปีหน้า 2564 เมืองไทย...จะเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้มากน้อยแค่ไหน?
ตรงนี้...ส่งผลกระทบโดยตรงกับผู้เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกัน อย่างมากมายมหาศาล...
ทว่า 3 เดือนสุดท้ายของปีปฏิทิน นับแต่เดือนตุลาคม - ธันวาคม 2563 กลับปรากฏข่าวที่ ไม่รู้ว่าควรจะยินดีหรือยินร้าย แค่ไหน?
กับข่าวที่หลุดออกมาจาก 2 หน่วยงาน “กรมภาษี” ซึ่งมีหน้าที่จับกุมและยึดเป็นของกลาง...กับสินค้าที่มีเป้าหมายจะนำมาใช้ในช่วงเวลาแห่งความหรรษา ในเทศกาล “ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่”
จะว่าไปแล้ว...มันก็เหมือนกับทุกๆ ปี ที่พอใกล้ถึงเวลาของ “ไตรมาสสุดท้าย” ทีไร ขบวนการลักลอบขนสินค้าในกลุ่ม “เหล้า-บุหรี่” และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง มักจะแอบขนเข้ามาจำหน่ายในบ้านเรา...
นัยว่า...คนไทยดื่มเหล้า สูบบุหรี่เก่ง! ยิ่งมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ มากมายระดับเกือบ 40 ล้านคนในปีก่อน...ย่อมทำให้เป็น “จุดหมายปลายทาง” ของการลักลอบนำเข้าสินค้า ในกลุ่ม “เหล้า-บุหรี่” รวมถึงยาเสพติดชนิดต่างๆ ตามมา...
แม้ปี 2563...เมืองไทยและโลก จะได้รับผลกระทบจากวิกฤตไวรัสโควิด-19 จนแทบจะไร้นักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่ทว่า...ขบวนการลักลอบขนสินค้าหนีภาษี ยังคงตั้งหน้าตั้งตา แอบนำเข้าสินค้า “ตราบาป” เหล่านี้...เข้ามาในประเทศ
ชนิดไม่ยี่หระต่อโควิด-19 นัก
“กรมศุลกากร” ในฐานะ “หน้าด้าน” ที่ต้องต่อกรและคอยรับมือกับการลักลอบขนสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ และ “กรมสรรพสามิต” ที่คอยตามจับกุม...หากมิจฉาชีพกลุ่มนี้ สามารถเล่นแร่แปรธาตุ จนฝ่าด่านแรก...นำสินค้าต้องห้าม เข้ามาในประเทศได้...
พวกเขา...ทั้ง เจ้าหน้าที่กรมศุลกากรและกรมสรรพสามิต ยังคงตามไล่ล่า ชนิดเกาะติด...ขอเพียงมีเบาะแสเท่านั้น
“โฆษกกรมศุลกากร” นายชัยยุทธ์ คำคุณ ย้ำว่า...ขณะที่ในส่วนของกรมศุลกากร ภายใต้การกำกับของ นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร ได้สั่งการจัดตั้ง “หน่วยเฉพาะกิจ” ขึ้นมา เพื่อสกัดกันและป้องกันการลักลอบนำเข้าสินค้าในกลุ่มเหล้า บุหรี่ ยาเสพติด ฯลฯ รวมถึงสินค้าเกษตรและเนื้อสัตว์ อย่างเข้มข้นในช่วง 3 เดือนสุดท้าย...
ต่อยาวไปถึงไตรมาสแรก (ปีปฏิทิน) ของปี 2564 กันเลยทีเดียว
แล้วไม่ใช่แค่หน่วยงานเดียว หากยังประสานและบูรณาการร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ เช่น กรมสรรพสามิต กองทัพ (ทหารบกและทหารเรือ) ตำรวจ หน่วยงานปราบปรามยาเสพติด ฝ่ายปกครอง และอื่นๆ
เปิดปฏิบัติการทั้งรุกและตั้งรับอย่างมียุทธศาสตร์...
ไล่ตั้งแต่...การหาข่าววงใน การสืบค้น ตรวจค้นและสอบสวน การจับกุม ไปจนถึงการขยายผลไปยังตัวการใหญ่ ที่ชักใยอยู่เบื้องหลัง
“ทีมเฉพาะกิจ” ที่ถูกจัดตั้งขึ้นมาเป็นพิเศษ มีภารกิจไล่ล่า จับกุม และขยายผลในเรื่องนี้โดยตรงและเป็นการเฉพาะ ยิ่งมีการบูรณาการกับหน่วยงานอื่นๆ ก็ยิ่งทำให้การลงลึกเพื่อสกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมายในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี 2563 ต่อเนื่องไปจนถึงต้นปี 2564
ก็น่าจะทำให้คนกลุ่มนี้ กับความคิดจะลักลอบขนส่งและนำเข้าสินค้าผิดกฎหมาย ทั้ง...เหล้า บุหรี่ ยาเสพติด รวมถึงสินค้าเกษตร เครื่องใช้ไฟฟ้าและอื่นๆ ที่ไม่สำแดงภาษี...
อยู่กันยาก!!!
ใครหน้าไหน? ที่คิดหวังจะนำเข้าสินค้าหนีภาษี เพื่อหวังนำไปจำหน่ายช่วงเทศกาลรื่นเริง “ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่” ล่ะก็...
โปรดระวังให้ดี รอบนี้...มี “ใบสั่ง” จากรัฐบาลและกระทวงการคลังมาแล้ว...
“รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหาง”...สำนวนโบร่ำโบราณ ที่หากเลือกนำมาใช้อย่างถูกที่ถูกเวลา ย่อมจะสร้างความปลอดภัย ในท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 ที่ทุกฝ่าย...ล้วนเปิดปฏิบัติการกันแบบเข้มข้นในทุกมิติ
เราเตือนคุณแล้ว!