จากปม ส.ส.ภูมิใจไทย “เสียบบัตรแทนกัน” สู่ประเด็นร้อน “4 งูเห่าเพื่อไทย” อาจไร้คุณสมบัติความเป็น ส.ส. ในวันโหวตรับ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯปี 2563 แต่เมื่อทั้ง 2 ปม เชื่อมโยงถึงกัน จะส่งผลทำให้ งบประมาณฯ ปี 2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท มีปัญหาหรือไม่ และจะกระทบกับความมีตัวตนของรัฐบาลหรือเปล่า? น่าสนใจไม่น้อย
กลายเป็นเรื่องใหญ่อย่างแรงในทางการเมือง!
กรณี นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาเปิดโปง ปม “เสียบบัตรแทนกัน” ของ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย
อ้างถึง นายฉลอง เทิดวีระพงศ์ ส.ส.พัทลุง เขต 2 พรรคภูมิใจไทย ให้คนอื่นเสียบบัตรแทนระหว่างการลงมติพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 เมื่อวันที่ 10 มกราคมที่ผ่านมา
เนื่องช่วงวันและเวลาที่มีการลงมติรับรอง ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายฯ ในสภาผู้แทนราษฎรนั้น อดีต ส.ส.พัทลุง ของพรรคประชาธิปัตย์ อ้างว่า นายฉลอง เทิดวีระพงศ์ ได้ลงพื้นที่ไปมอบของขวัญให้กับน้องๆ หนูๆ ในงานวันเด็ก
มีหลักฐานครบ! แถม “เจ้าตัว” คือ ส.ส.พัทลุง เขต 2 พรรคภูมิใจไทย ออกมายอมรับเองว่า...เรื่องดังกล่าวเป็นความจริง ดังที่ปรากฏอยู่ในหนังสือชี้แจง 7 ข้อ ดังนี้..
1. ยอมรับว่าไม่ได้ลงมติ 2. ยอมรับว่าลืมบัตรไว้ในที่ประชุม 3. ไม่ทราบว่ามีการกดบัตรลงคะแนน 4. มีเพื่อน ส.ส.นำบัตรมามอบให้ ในอีก 2-3 วันต่อมา 5. ยอมรับผิด ที่ลืมบัตร และขอโทษต่อประชาชนชาวพัทลุง ขอโทษต่อพรรค ขอโทษต่อสภาผู้แทนราษฎร ที่ เป็นเหตุให้เกิดกรณีเช่นนี้ขึ้น แต่ยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนา ที่จะปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และไม่ได้ใช้ หรือ วานให้ใคร กดบัตรลงคะแนนให้ แต่อย่างใด
6. พร้อมที่จะชี้แจงต่อกรรมการสอบสวนของพรรค และของสภาฯ เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจในการทำหน้าที่ ส.ส. และ 7. เป็นบทเรียนของ ส.ส.ใหม่ ที่จะจดจำ และนำไปเตือนใจทุกครั้งในการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ให้เป็นประโยชน์แก่ประชาชนในจังหวัดพัทลุง โดยไม่ให้มีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
ใครจะเชื่อก็เชื่อกันไป? แต่สังคมไทยบางส่วน คงไม่เชื่อใน “คำแก้ตัว” ของนายฉลอง เทิดวีระพงศ์ แน่ โดยเฉพาะกับคนที่เอาเรื่องนี้มาเปิดโปง อย่าง...นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ
แม้จะมีเสียงก่นด่าจากแกนนำพรรคภูมิใจไทยตามมา แต่ดูเหมือนสิ่งนี้...ได้กระตุ้น “ต่อมเคือง” ของ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ เพิ่มให้มากยิ่งขึ้นไปอีก โดยเฉพาะ กับวลีที่ นายศุภชัย ใจสมุทร รองเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ออกมาระบุว่า...
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ “เหมือนสุนัขพันธุ์บูลด็อคที่กัดไม่ปล่อย”
เมื่อเรื่องรุนแรงจนถึงขั้นนี้...ก็ไม่แปลก หาก อดีต ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ จะ “ปล่อยของ” รอบใหม่ นั่นคือ การนำเรื่องที่ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย อีกคน...มีพฤติการณ์ ตัวไม่อยู่ในห้องประชุมอาคารรัฐสภา แต่ปรากฏชื่อในการโหวตรับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ
เข้าข่าย “เสียบบัตรแทนกัน” หรือไม่?
ประเด็นนี้ โฟกัสไปยัง นางนาที รัชกิจประการ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ที่ได้เดินทางไปประเทศจีน เนื่องจากมีหลักฐานชี้ชัดว่า..ส.ส.รายนี้ ได้ทำการเช็คอินที่สนามบินสุวรรณภูมิ ในช่วงเวลาที่มีการโหวตรับ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ
เมื่อเป็นเช่นนี้ แล้วปรากฏชื่อของ นางนาที รัชกิจประการ ในการโหวตรับ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ได้อย่างไร?
ปมนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่มาก เนื่องจากก่อนหน้านี้ เคยมีคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ กรณี พ.ร.ก.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ของพรรคเพื่อไทย สมัยนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ว่า “ขัดรัฐธรรมนูญ” ทั้งในแง่ของ “เนื้อหา” คือ ไม่จำเป็นเร่งด่วนจริง และ “กระบวนการ” ที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ทำการ “เสียบบัตรแทนกัน” จน พ.ร.ก.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ต้องมีอันเป็นไป!
บนมาตรฐาน “เสียบบัตรแทนกัน” นี้ จะมีผลทำให้ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2563 ต้องถูกยกเลิกไปด้วยหรือไม่?
เป็นสิ่งที่สังคมไทยกำลังจับตามอง พอๆ กับความไม่สบายใจของ “บางคน?” ในรัฐบาล โดยเฉพาะนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่มีบทบาททางด้านเศรษฐกิจ เหนือ “รัฐมนตรีเศรษฐกิจ” จากพรรคพลังประชารัฐ
ทว่า “ความวัวไม่ทันหาย มีความควาย…ชิ้นใหม่” มาทำให้ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลลุงตู่ สะท้านไปอีก นั่นคือ กรณี “4 ส.ส.งูเห่า” ของพรรคเพื่อไทย ที่อาจขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส. หลังจากพรรคต้นสังกัด ไม่รับรองสถานะความเป็น ส.ส.
แต่ “4 ส.ส.งูเห่า” กลับดอดเข้าสภาฯ ไปยกมือรับรอง ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2563
ตรงนี้เป็นประเด็น เพราะหากถูกตีความว่า… “4 ส.ส.งูเห่า” สิ้นสุดสถานะความเป็น ส.ส.ระหว่างโหวตรับ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2563 ล่ะก็
จะกลายเป็น “2 เด้ง” ที่ฉุดรั้งทำให้ความชอบธรรมในการผ่าน ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2563 หมดไปทันที
และหากยึดบรรทัดฐานเดียวกันกับ พ.ร.ก.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ที่สุดท้าย มีอันเป็นต้อง “โมฆะ” ไปนั้น ย่อมกระทบกับเงินงบประมาณจำนวน 3.2 ล้านล้านบาทอย่างไม่ต้องสงสัย
ระดับ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม แถมยังรั้งตำแหน่ง “หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ” ของรัฐบาลแท้ๆ กลับไม่รู้ด้วยซ้ำว่า…ผลของการ “โมฆะ” ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2563 หากเกิดขึ้นจริงแล้ว มันจะรุนแรงและเลวร้ายระดับใด?
“ลุงตู่” คิดแค่เพียงว่า…หากสิ่งนี้เกิดขึ้นจริง มันก็แค่กระทบกับงบประมาณการลงทุนเกือบ 7 แสนล้านบาทเท่านั้น แต่ไม่กระทบงบรายจ่ายประจำ อย่าง…เงินเดือนและสวัสดิการของเจ้าหน้าที่รัฐ
ทั้งที่ความเป็นจริง ความรุนแรงแห่งมันนั้น อาจส่งผลกระทบในวงกว้างอย่างมหันต์ ชนิดล้มรัฐบาลได้เลยหรือไม่..น่าจับตา!